"หมอมนูญ" ขอทุกคนกลับไประวังตัวเพิ่มขึ้น แม้โควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว
"หมอมนูญ" หรือ นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ขอให้ประชาชนทุกคนกลับไประมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น และสวมใส่หน้ากากอนามัย
จากกรณี "หมอมนูญ" หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ รพ.วิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุถึง โควิด-19 ในประเทศไทย
โดยมีรายละเอียดว่า วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ไทยกำลังก้าวเข้าสู่การพ้นการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ไวรัสโควิด-19) เป็นโรคประจำถิ่นตามแผนของกระทรวงสาธารณสุขจริงหรือ ถ้าจะเลื่อนวันประกาศไปอีกสักพักจนสถานการณ์คลี่คลายกว่านี้ก็น่าจะดี ทุกโรงพยาบาลใน กทม.ขณะนี้รับคนไข้โรคโควิดเพิ่มขึ้น โรงพยาบาลวิชัยยุทธต้องกลับมาเปิดหอผู้ป่วยโควิดเพิ่มอีก 1 วอร์ด หลังจากที่เคยปิดไปแล้ว ผู้ป่วยที่รับมาการรักษาส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากได้รับวัคซีนมาก่อนหน้านี้
ขอให้ทุกคนกลับไประมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงสถานที่มีคนแออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และพิจารณาว่าถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือยัง
ผมเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่ให้ติดเชื้อและแพร่เชื้อให้คนไข้ซึ่งอ่อนแอและมีโรคประจำตัวหลายโรค ผมได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม แอสตร้าเซเนกา 1 เข็ม และโมเดอร์นา 1 เข็ม รวมทั้งหมด 4 เข็ม เข็มสุดท้ายปลายเดือนพฤศจิกายน 2564
เดือนมกราคม 2565 ผมตรวจภูมิคุ้มกันแอนติบอดีในเลือด SARS-CoV2 IgG (Anti Spike) สูงกว่า 40,000 ซึ่งถือว่าระดับสูงมาก
วันที่ 27 มิถุนายน 2565 ผมตรวจภูมิคุ้มกันแอนติบอดีล่าสุด
SARS-CoV2 IgG (Anti Spike) ลดลงเหลือ 7,418 เป็นธรรมชาติที่ภูมิคุ้มกันแอนติบอดีในเลือดจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปหลายๆเดือน
ผมจึงตัดสินใจฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้นอีก 1 เข็ม เป็นเข็มที่ 5 และจะไม่ฉีดวัคซีนรุ่นปัจจุบันต่อจากนี้ จะรอวัคซีนป้องกันโรคโควิดรุ่นใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม อาจจะมาปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ทุกคนต้องยอมรับความจริงว่า ต่อให้ฉีดวัคซีน 5 เข็มก็ต้องระวังตัวเพราะยังมีโอกาสติดเชื้อ แต่จะช่วยลดอาการไม่ให้ป่วยหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้