อธิบดีกรมควบคุมโรค คาดสถานการณ์โควิดรุนแรงขึ้นจากงานเลี้ยงหรือปาร์ตี้
อธิบดีกรมควบคุมโรค คาดสถานการณ์โควิด-19 รุนแรงขึ้นจากปาร์ตี้ โดยศุกร์นี้ ศบค.เล็งปรับมาตรการกักตัวเป็น 5+5 กักเดี่ยว-ดูอาการ ระบุ ประกาศเป็นโรคประจำถิ่น ต้องรอพิจารณาให้ครบทุกมิติ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีการนับวันแพร่เชื้อหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดเชื้อโควิด-19 หลังปฏิบัติภารกิจที่ประเทศฝรั่งเศสว่า เราทราบดีว่า เวลาแพร่เชื้อคือ 2 วันก่อนมีอาการ และ 3 วันหลังมีอาการ จากนั้นจึงนับวันมีอาการเริ่มต้นไปอีก 7 วัน ถ้านับวันที่นายอนุทินติดเชื้อก็เกิน 10 วันไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาและตอนท่านไปออกงาน ท่านยืนห่างจากคนอื่นตามหลักการทางการแพทย์ที่เน้นย้ำให้มีระยะห่างทางสังคม
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า วันศุกร์ที่ 8 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่จะมีมาตรการผ่อนปรนระยะเวลากักตัวจากเดิมใช้ 14 วัน และตอนนี้ใช้เวลา 10 วัน แบ่งเป็น 7 วันแยกกักเดี่ยว 3 วันดูอาการ แต่การประชุมที่จะถึงนี้ คณะกรรมการแพทย์ด้านวิชาการจะมีการเสนอให้พิจารณา โดยใช้มาตรการ 5+5 คือ 5 วันกักเดี่ยวและ 5 วันดูอาการ
นพ.โอภาส กล่าวถึงการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นว่า คงต้องรอ ศบค.พิจารณามาตรการด้านการแพทย์ สาธารณสุข และสังคม รวมทั้งมาตรการด้านกฎหมายที่ต้องเยียวยาพี่น้องประชาชนให้รอบคอบ ซึ่งในการประชุมศบค.วันศุกร์นี้ จะมีการประชาสัมพันธ์แก่ประชาชน ส่วนที่กำหนดไว้ 1 ก.ค.นั้น เป็นการกำหนดกรอบกว้างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ในช่วงนี้มีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เราคาดการณ์กันอยู่ว่า สถานการณ์การแพร่เชื้อจะรุนแรงขึ้น ส่วนใหญ่จะเจอจากงานเลี้ยง หรืองานปาร์ตี้ แต่ที่เราตามดูอยู่คือ สภาวะรองรับการรักษาผู้ป่วยหนัก ในภาพรวมประเทศ ผู้ป่วยหนักไม่ได้เพิ่มมากขึ้น และการประกาศให้เฝ้าระวัง นอกจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต) ก็มีปลัดกระทรวงมหาดไทย (สุทธิพงษ์ จุลเจริญ) ที่ได้มีการทำหนังสือให้ข้าราชการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดต่อไป