"หมอมนูญ" เผยโอมิครอน BA.5 แพร่ระบาดได้เร็วที่สุด หลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดี
"หมอมนูญ" เผยโอมิครอน BA.5 แพร่ระบาดได้เร็วที่สุด ติดต่อกันง่ายที่สุด และหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าทุกสายพันธุ์เดิม
"หมอมนูญ" หรือ นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2565 ผมเขียนลงใน FB จากการที่เป็นแพทย์ที่ปฏิบัติหน้างาน ดูแลผู้ป่วยด้วยตนเอง เริ่มพบสัญญาณการแพร่ระบาดรอบใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกทม. ขณะนั้นผมคิดว่าการระบาดใหม่น่าจะเป็นรอบเล็กๆ จบเร็วโดยดูตัวอย่างแอฟริกาใต้ประเทศแรกในโลกที่มีการระบาดของไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, BA.4 และ BA.5
ผ่านมาเกือบ 1 เดือน ถึงวันนี้ความเห็นของผมปลี่ยนไป การระบาดรอบนี้ น่าจะเป็นการระบาดรอบใหญ่ เหมือนช่วงเดือนมีนาคมที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1, BA.2 ตัวเลขผู้ติดเชื้อขณะนี้กำลังเพิ่มเป็นทวีคูณ และจากนี้ไปไม่นานจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ รวมทั้งผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ เชื้อไวรัสโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดขณะนี้กำลังเปลี่ยนเป็น BA.5 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้เร็วที่สุด ติดต่อกันง่ายที่สุด และหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าทุกสายพันธ์ุเดิม ไม่ว่าจากการได้รับวัคซีนหรือการติดเชื้อตามธรรมชาติ ทำให้คนที่ได้รับวัคซีนไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ติดเชื้อรอบนี้ และคนที่เคยติดเชื้อมาแล้วติดซ้ำอีก จำนวนคน 2 กลุ่มนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับคนเริ่มผ่อนคลาย เหนื่อยล้ากับการป้องกันตัวเอง มีกิจกรรมพบปะกันมากขึ้น มีการเดินทางมากขึ้น มีวันหยุดยาว ทำให้เชื้อแพร่ระบาดไปทั่วประเทศได้เร็วขึ้น
ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดของกระทรวงสาธารณสุขต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เพราะรายงานเฉพาะผลตรวจ RT-PCR ขอให้ดูตัวเลขของผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ และผู้เสียชีวิตเป็นหลัก แนวโน้มกำลังเพิ่มขึ้นแน่นอน
ขอให้ทุกคนมีสติ อย่ากลัวจนเกินไป ป้องกันตัวเองเต็มที่ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และรีบไปรับวัคซีน หากติดเชื้อ ต้องยอมรับความจริง ทำอย่างไรก็หนีไวรัสโควิดไม่พ้น แต่โชคดีที่คนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้น และหลายคนเคยติดเชื้อไวรัสโควิดมาก่อน เมื่อติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 อาการมักจะไม่รุนแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews