แพทย์แนะนำ ติดเชื้อโอมิครอน กักตัวกี่วันถึงจะปลอดภัย
"หมอธีระ วรธนารัตน์" แนะนำ ติดเชื้อโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอน กักตัวกี่วันถึงจะปลอดภัย และควรตรวจ ATK ซ้ำตอนไหน
"หมอธีระ" หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat แนะนำเกี่ยวกับการกักตัว หากติดเชื้อโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอน
คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานที่ทำงาน โรงงาน และสถานประกอบการ ตามความรู้วิชาการแพทย์ปัจจุบันเกี่ยวกับ Omicron หากมีคนติดเชื้อ กักตัวแค่ 5 วัน โอกาสหลุด 50%, 7 วันหลุด 25%, 10 วัน โอกาสหลุดราว 10% แต่หาก 14 วัน ก็ดูจะปลอดภัย อย่างไรก็ตามมักทำได้ยาก เพราะกระทบต่อระบบงานมาก
ดังนั้น หากทางสถานที่ทำงานต่างๆ สามารถบริหารจัดการกำลังคนได้ ให้แยกกักตัวไปอย่างน้อย 10 วันย่อมดีที่สุด
แต่หากไม่ไหวหรือจำเป็นมากจริงๆ ก็ควรให้ความรู้ และ/หรือฝึกอบรมบุคลากรที่ติดเชื้อเกี่ยวกับการป้องกันตัวให้ดี และให้กักตัว 7 วัน และตรวจ ATK ซ้ำ หากได้ผลลบ ก็มาทำงานโดยป้องกันอย่างเคร่งครัดอีกอย่างน้อย 7 วัน
ส่วนแนวปฏิบัติในสถานที่ทำงานสำหรับทุกคนในสถานการณ์ระบาดหนักขณะนี้ การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีการถ่ายเทอากาศดี การไม่รับประทานอาหารร่วมกัน และการใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอนั้นมีความสำคัญมากครับ
ทั้งนี้ หมอธีระ เคยเปิดงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine เมื่อ 29 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระยะเวลาที่ยังตรวจพบเชื้อ ปริมาณเชื้อ และเพาะเชื้อขึ้น หลังจากติดเชื้อโควิด-19 จากข้อมูลวิจัยจะเห็นได้ว่า การกักตัว 5 วันหลังการติดเชื้อนั้น ไม่เพียงพออย่างแน่นอน และยังไม่ปลอดภัย เนื่องจากยังสามารถเพาะเชื้อได้ถึงอีกเกือบ 50% และยังมีปริมาณไวรัสที่ตรวจพบระดับสูง ถ้าจะปลอดภัยตามข้อมูลเรื่องปริมาณเชื้อ และอัตราการเพาะเชื้อขึ้น คือราว 2 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 10 วันขึ้นไป แต่ในทางปฏิบัติจะทำได้ยากด้วยความจำเป็นด้านเศรษฐกิจ แรงงาน และการใช้ชีวิตในสังคม
ดังนั้น หากผู้ที่ติดเชื้อจำเป็นต้องกลับไปใช้ชีวิตหรือทำงานก่อนเวลา 7-10 วัน ก็ต้องตระหนักเสมอว่าอาจนำเชื้อไปแพร่ให้คนอื่นได้ จึงควรป้องกันตัวเข้มๆ ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันต่อจนกว่าจะครบ 2 สัปดาห์เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ โดยใส่หน้ากาก N95 หรือเทียบเท่า ไม่ถอดหน้ากากเวลาพบปะ ทำงาน หรือพูดคุยกับผู้อื่น รักษาระยะห่าง และที่สำคัญมากคือ ไม่ไปร่วมวงกินข้าวในที่ทำงาน ไม่ไปร่วมวงปาร์ตี้กินดื่มสังสรรค์ หรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อแก่ผู้อื่น หากช่วยกันปฏิบัติดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อตามสถานที่ต่าง ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดปัจจุบันได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขอบคุณ Thira Woratanarat
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews