เปิดคำสารภาพสุดเลือดเย็น หนุ่มโหดยิงแม่แท้ๆดับ อ้างเครียด
หนุ่มโหดยิงแม่แท้ๆดับ สารภาพสุดเลือดเย็น ที่จริงเตรียมยกครัว โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกระงับเหตุได้ทันเวลา
จากกรณีที่หนุ่มโหดยิงแม่แท้ๆดับ เมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา และจับลูกสาว ลูกชาย รวมถึงภรรยาเป็นตัวประกัน ตำรวจเกลี้ยกล่อมจนยอมปล่อยตัวประกันและถูกจับกุม สารภาพทำไปเพราะเครียดที่แม่ชอบกดดันหนัก อีกทั้งก่อนก่อเหตุได้ดื่มสุราเข้าไป ล่าสุด ฝากขังแล้ว เปิดสารภาพสุดเลือดเย็น ที่จริงเตรียมยกครัว
คืบหน้าล่าสุด วันที่ 30 ก.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจคุมตัวนักธุรกิจชาวจีนก่อเหตุยิงแม่เสียชีวิต พร้อมคัดค้านการประกันตัว และยังพบว่าผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุฆ่ายกครัว และฆ่าตัวตายตาม แต่ตำรวจเข้าไประงับเหตุได้ทัน ส่วนสาเหตุผู้ต้องหาอ้างว่าเครียดจากการถูกแม่กดดันให้ทำธุรกิจ และเมาสุรา
พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายเควิน โจวโชว คนจีน สัญชาติออสเตรเลีย อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรมนางซิง หลิว คนจีน สัญชาติไทย อุปนายกสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย ซึ่งเป็นมารดาอายุ 61 ปี ในห้องพักที่คอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 39 เมื่อคืนที่ผ่านมา มาสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากถูกควบคุมตัวได้หลังจากก่อเหตุ จากนั้นได้ควบคุมตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา เพื่อไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังผัดแรก และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว
พันตำรวจเอกดวงโชติ สุวรรณจรัส ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาอ้างว่า ที่ก่อเหตุไปเพราะถูกกดดันจากแม่ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานพลาสติก ในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และเมาสุรา โดยแม่ จะเป็นผู้คุมทุกอย่างภายในโรงงาน ทำให้นายเควิน รู้สึกกดดัน ประกอบกับก่อนก่อเหตุ ได้ดื่มสุรามาทำให้ก่อเหตุขึ้น โดยหลังก่อเหตุไม่ได้หลบหนี เจ้าหน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อม จนยอมปล่อยภรรยา ลูกชายวัย 7 ขวบ และ ลูกสาววัย 2 ขวบ ออกมา โดยหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาพยายามฆ่าตัวตาย รวมทั้งภรรยาและลูก แต่ตำรวจเข้าไประงับเหตุได้ทัน
เบื้องต้น ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าบุพพการี และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหารับสารภาพ และเข้ามาอยู่ในไทยมาแล้ว 12 ปี ทำธุรกิจเกี่ยวกับหลอดไฟแอลอีดี ส่วนผู้เสียชีวิต ดูแลโรงงานผลิตพลาสติก
ผู้เสียชีวิตถูกยิงที่ท้องด้านขวา 1 นัด ด้วยปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ขณะนี้ได้ส่งให้สถานบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจชันสูตรศพ ถึงสาเหตุการเสียชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews