160ที่นั่งตั้งรัฐบาล "ก้าวไกล"ตั้งเป้า "พิธา" นายกฯคนที่ 30 ??
รักษาเขตเดิม เพิ่มเติมเขตใหม่ ก้าวไกล ฝันไกล คว้า160ที่นั่ง ส.ส. ตั้งรัฐบาล "พิธา" วิเคราะห์ 400 เขต ที่เคยชนะในปี 62 โหวตเตอร์รุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น
จากรายการเนชั่นสุดสัปดาห์ กับ 3 บก. มีโอกาสสนทนากับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงความพร้อม ความคาดหวัง ในการเลือกตั้ง2566ครั้งนี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ใช่น้องใหม่อีกต่อไป พรรคก้าวไกลได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ก่อนจะต่อยอดไปสู่รุ่นวัยกลางคน ก้าวผ่านหลายเหตุการณ์จนทำให้พรรคแข็งแกร่งพอตัว
บางช่วงบางตอนในรายการ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กล่าวว่า ถึงวันนี้ผมพร้อมที่เป็นนายกฯ ผมทำงานร่วมกับทีมงานเต็มที่ ผมทำงานทั้งภาครัฐ เอกชน ก่อนที่จะมาเป็น ส.ส. แม้ประสบการณ์จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง คุณอาจจะมีประสบการณ์ความมั่นคง แต่ตอนนี้ความมั่นคงเป็นเรื่องไซเบอร์ซิเคียวริตี้ คนที่จะสู้กับเรื่องแบบนี้ไม่มีใครมีประสบการณ์
โดยเท่าที่ลงพื้นที่หาเสียงประชาชนก็พร้อมที่จะเลือกพรรคก้าวไกลทั้งสองใบ หลายคนคิดว่าพรรคก้าวไกลเสียเปรียบ แต่ผมคิดว่าพรรคก้าวไกลได้เปรียบ เพราะคนเห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมา เราทำงานในสภาได้ดี อีกทั้งบัตรสองใบ คนต่างจังหวัดอาจจะชอบ คนในพื้นที่อยากเลือกพรรคก้าวไกล เขาก็ทำได้ และบางพื้นที่เขาชอบพรรคเก่า ส่วนคนมาเลือกพรรคก้าวไกลซึ่งก็มีจำนวนมาก ตรงนี้เป็นความได้เปรียบของเรา
“เมื่อเกมยุทธศาสตร์เปลี่ยน เราต้องทำในสิ่งที่เราควบคุมได้ ทำให้ยุทธศาสตร์เข้ากับพรรคก้าวไกล เราต้องการเป็นพรรคมวลชน เราก็ต้องมี ส.ส. เขตเยอะๆ ก็ต้องวางยุทธศาสตร์ตรงนี้”
สำหรับความแตกต่างของการเลือกตั้งปี 2562 กับ ปี 2566 “พิธา” อธิบายว่า นอกสภาสังคมเปลี่ยนไปเยอะมาก ในสภาพรรคก้าวไกลก็ทำให้เปลี่ยนไปเยอะ ปี 62 เรามีเวลา 2 เดือน ตอนนั้นคุณธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บอกว่าต้องการให้เป็นพรรคระดับชาติ ส่ง ส.ส. ครบ 350 เขต มันเลยออกมาแบบที่เห็น ตอนนี้มีเวลา 2 ปี ที่คัดเลือกผู้สมัครทั้ง 400 เขต ผ่านการคัดเลือก 4 ด่าน
ส่วนข้อครหาพรรคก้าวไกลเหมือนพรรคที่ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นได้ “พิธา” มองว่า “ผมคิดว่าเป็นจุดเด่น ใครๆไม่รัก ผมก็ดีใจ เพราะแสดงว่าเรามาถูกทาง และจะซื้อใจเขาให้ได้ เขาเคยมองว่าเราเป็นแกะดำ แต่จริงๆแล้วเราเป็นแกะขาว ที่จะทำให้การเมืองเป็นปกติ ทำให้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมของไทยเป็นปกติ และให้กลไกข้าราชการเป็นปกติ”
ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแจกเงิน แต่ทำไมมาหาเสียงด้วยการแจกเงิน “พิธา” ออกตัวว่า นิยามคำว่าแจกไม่เหมือนกัน ประชานิยมจะกู้มาแจก แล้วแจกครั้งเดียวจบ แล้วก่อนจะเลือกตั้งถึงมาแจกอีกครั้ง แต่เราแจกแบบรัฐสวัสดิการ เงินมาจากการรีดไขมันจากงบประมาณ ไม่ใช่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตแล้วเอาเงินในอนาคตมาใช้ และเราแจกแบบไม่พิสูจน์ความจน เพราะหากพิสูจน์ความจนจะตกหล่นตลอด
สำหรับเป้าหมายของพรรคก้าวไกลต้องได้ ส.ส. กี่ที่นั่ง “พิธา” กล่าวว่า “คราวนี้น่าจะทะลุ 100 เสียง เนื่องจากคู่แข่งตัดกันเยอะ มีจำนวนพรรคมากกว่าปี 62 ขณะเดียวกันโหวตเตอร์รุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น
- เมื่อวิเคราะห์แล้วจาก 400 เขต เราสามารถได้ถึง 160 ที่นั่ง เขตที่เราชนะในปี 62 เราจะรักษาเอาไว้ได้
ส่วนเขตใหม่เราจะสามารถได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะครั้งก่อนหลายพื้นที่เราแพ้พรรคการเมืองใหญ่เพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ เราจึงมีโอกาส”
โดยคาดหวังว่าจะได้ ส.ส. เขต 50 ที่นั่ง ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขอให้ได้ตามโพลคาดการณ์เอาไว้ เราใช้นโยบายเข้าหาประชาชน เราจะขยายฐานออกไปยังพื้นที่ชนบทมากขึ้น
เมื่อถามว่า คู่แข่งของพรรคก้าวไกล จากการวิเคราะห์หนีไม่พ้นพรรคเพื่อไทย “พิธา” มองว่า “ผมมองว่าคนที่ไม่ตัดสินใจมีมากขึ้น ผมเชื่อว่าเราไม่ได้แข่งกันในขั้วเดียวกันเท่านั้น จะมีการข้ามขั้วมาเลือกอีกฝั่งด้วย ที่สำคัญทุกประเทศหากประชาชนออกมาใช้สิทธิต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ กระสุนชนะกระแส หากออกมาใช้สิทธิ์ 75 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป กระแสชนะกระสุน
“ผมคิดว่าจะทำให้ขั้วฝ่ายค้านเดิมสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคก้าวไกลหวังว่าจะเข้ามาเป็นลำดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้เป็นลำดับหนึ่ง ก็ควรจะให้สิทธิ์พรรคลำดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน”
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะสู้ระบบอุปถัมภ์ได้หรือไม่ “พิธา” กล่าวว่า เรามีหัวคะแนนธรรมชาติ ผมลงพื้นที่ก็บอกตลอดว่า จุดอ่อนของพรรคก้าวไกลคือเราไม่มีทรัพยากร เราไม่เอาจากทุนใหญ่ ป้ายอาจจะน้อยไปหน่อย แต่ทุกคนจะเป็นหัวคะแนนให้เราได้ เพราะเราฝากบอกต่อ ฝากลงโซเชียลมีเดียให้ช่วยเลือกเรา
ท้ายสุด “พิธา” ฝากไปถึงประชาชนว่า “การเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลตั้งใจเข้ามาทำงานทางการเมือง ไม่ต้องการมีตำแหน่ง แต่ต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชน ผ่านยุทธศาสตร์ การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต”
cr.เนชั่นสุดสัปดาห์