เปิดคำสารภาพ อดีตพระอาจารย์คม กับพวก หลังขุดเจอทองคำ-เงินสด อีก100กว่าล้าน
เปิดคำสารภาพ อดีตพระอาจารย์คม กับพวก คดียักยอกเงินทำบุญวัดป่าธรรมคีรี กว่า 182 ล้าน ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี
คืบหน้าคดี อดีตพระอาจารย์คม วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ยักยอกเงินทำบุญวัด กว่า 180 ล้านบาท โดยในวันที่ 8 พ.ค.66 หลังจากคุมตัว อดีตพระอาจารย์คม พร้อมพวก ไปฝากขังต่อศาลฯ ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตฯไม่ให้ประกันตัวอดีตพระอาจารย์คม ชี้คดีมีโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน กระทำสร้างความเสื่อมเสียพระพุทธศาสนา
ล่าสุด ตำรวจสอบสวนกลาง ขยายผล คดีอดีตพระคม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมคณะพระสงฆ์ลงพื้นที่ตรวจสอบและเข้าค้นบริเวณโดยรอบวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบทองคำแท่ง มูลค่า 20 ล้านบาท เงินสดมูลค่า 80 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ถูกฝังไว้บริเวณเขาหลังวัดป่าธรรมคีรี
ซึ่งจากการสอบถาม ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าได้มีการนำเงินสดบางส่วนที่ได้มาจากการบริจาคของพุทธศาสนิกชน มาซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ และได้นำทรัพย์สินบางส่วนมาฝังเก็บไว้ที่บริเวณเขาหลังวัด
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้เป็นของกลาง และจะทำการตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงินอื่นๆ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านความเคลื่อนไหว ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ เขตตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.นำตัว
-นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี
-นายวุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี
-น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี
ซึ่งเป็น 3 ผู้ต้องหาเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือ รับของโจรไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน
โดยคำร้องระบุ พฤติการณ์สรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครอง เงินที่ได้รับบริจาคของวัด อดีตพระมหาวุฒิมา เป็นเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาเงินของวัดเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต
ด้วยการถอนเงินสดออก จากบัญชีเงินฝากของวัดตามคำสั่งการของอดีตพระคม เมื่อรวบรวมได้เป็นเงินจำนวนมากพอ อดีตพระคมสั่งการให้อดีตพระมหาวุฒิมานำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางส่งมอบให้ น.ส.จุฑาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระ ตามสถานที่ต่างๆ ใน จังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี เกี่ยวพันกัน จากนั้น
น.ส.จุฑาทิพย์ยังได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นบ้านพักพบเงินสด เป็นเงิน ห้าสิบเอ็ดล้านบาทเศษ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินของวัดที่ถูกประทุษร้าย 182,776,733 บาท
โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้งสามจะก่อความเสียหายขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น เตรียมเคลื่อนย้าย ออกจากวัด พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทั้งสามจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผล การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้ง3 ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ และข้อมูล เกี่ยวกับบัญชีธนาคารต่างๆ ขอศาลหมายขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวน
และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้ง3 เนื่องจาก คดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่ พระพุทธศาสนา เกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง3 ถูกควบคุมตัวนั้นมีการสั่งการให้พระและลูกศิษย์ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ได้รับบริจาคมาจาก ประชาชนนำออกไปเตรียมจะซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับ พยานหลักฐานทำให้กระทบเสียหายต่อการสอบสวน
ผู้ต้องหาทั้ง3ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสาม ระบุเหตุผลว่า มิได้กระทำความผิด
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหา ทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1,2 อาศัยโอกาส กระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็น การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง
ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสดและ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิง กับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่าง สอบสวน