เรืองไกร จี้ กกต. สอบเพิ่ม ปม พิธา หลังเทขายหุ้น itv มั่นใจไม่ช่วยให้พ้นผิด
“เรืองไกร” จี้ กกต. สอบเพิ่ม ปม “พิธา” หลังเทขายหุ้น itv มั่นใจไม่ช่วยให้พ้นผิด พร้อมท้าพูดความจริงแสดงหลักฐานชัดๆต่อหน้าสื่อ...
วันนี้(6 มิถุนายน 2566) เวลา 10.00 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อแสดงหลักฐานบางส่วนจากคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่อาจทำให้เห็นได้ว่า คำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ว่า สปน. บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานกับไอทีวีโดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลปกครองกลาง เห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงจะขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า สัญญาเข้าร่วมงานยังควรถือว่ามีผลอยู่หรือไม่
นายเรืองไกร บอกว่า ตนยังติดตามการตรวจสอบของพิธามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 7 จากการติดตามมีประเด็นที่ต้องเอามาให้ กกต.เข้าสำนวน กรณีที่ไอทีวี เลิกกิจการแล้วหรือไม่อย่างไร หากย้อนไปปี 2550 ได้มีข้อพิพาทกันซึ่งตอนนั้นคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ บอกว่าการบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานกับไอทีวีของสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาไอทีวีได้ฟ้องกลับจนอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยว่าการถูกเลิกสัญญาร่วมงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงอยากให้ กกต ตรวจสอบว่าสัญญาร่วมงานยังถือว่ามีผลอยู่หรือไม่
ส่วนกรณีที่ตนจะยื่นคำร้องเพิ่มในวันนี้ คือที่มีข่าวว่านายพิธาได้ขายหุ้นสื่อไอทีวีไปแล้วนั้น แต่นายพิธาไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน ซึ่งตนมั่นใจว่าในวันรับสมัครเลือกตั้งนายพิธายังถือหุ้นสื่ออยู่แน่นอน จึงอยากให้ กกต. สอบถามไปยังบริษัทไอทีวี ว่านายพิธายังถือหุ้นไอทีวีหรือไม่ หรือมีการโอนหุ้นด้วยวิธีใด พร้อมเรียกร้องให้นายพิธา ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องนี้และขอให้แสดงหลักฐาน โดยไม่ต้องรอให้ กกต. รับรองคำร้องของตน หรือรอให้ กกต. เรียกมาสอบถาม ซึ่งหากเรื่องนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วตัดสินว่านายพิธา ถือหุ้นสื่อจริง นายพิธาจะถูกตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. และถูกตัดสิทธิ์บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี