"เรืองไกร" ร้องอีก ให้กกต.สอบ "พิธา" หลังไปเชียร์วอลเลย์บอลหญิงไทย

03 กรกฎาคม 2566

ดูวอลเลย์บอลเป็นเหตุ "เรืองไกร" ร้องกกต.สอบ "พิธา" ปมไปดูวอลเลย์บอล-ถ่ายภาพนักกีฬา จนสู่การวิจารณ์นำการเมืองมาเกี่ยวข้องกับกีฬากระทบกับภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย

เชียร์วอลเลย์บอลเป็นเหตุ วันที่ 3 ก.ค. 2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า เช้านี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบว่า สมาชิกภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิ้นสุดลงตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) (4) หรือไม่

เรืองไกร ร้องอีก ให้กกต.สอบ พิธา หลังไปดูวอลเลย์บอล

เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงที่สาธารณชนทราบกันโดยทั่วไปว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2566 ได้ไปชมและลงไปในสนามแข่งขันและถ่ายรูปกับนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เมื่อคืนวันที่ 29 มิ.ย. 2566 และมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวทางสื่อต่างๆ จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการนำการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการกีฬา กระทบกับภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยนั้น

เรืองไกร ร้องอีก ให้กกต.สอบ พิธา หลังไปดูวอลเลย์บอล

ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยังกล่าวอีกว่า ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) (4) ประกอบข้อเท็จจริงที่ปรากฏโดยทั่วไป กรณีจึงมีเหตุที่ควรขอให้ กกต. ใช้ข้อเท็จจริงดังกล่าวมาดำเนินการตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ เพื่อตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีการรับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษ นอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ และ/หรือ มีกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซง 

เรืองไกร ร้องอีก ให้กกต.สอบ พิธา หลังไปดูวอลเลย์บอล


การใช้สิทธิหรือเสรีภาพของหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนโดยมิชอบ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) (4) หรือไม่ อันจะเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายพิธา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิ้นสุดลงตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) (4) หรือไม่