เศร้า หมอหนุ่มวัย 26 ตัดสินใจลาโลก หลังต้องทำงานล่วงเวลา 200 ชม. ใน 1 เดือน
เศร้า หมอหนุ่มวัย 26 ตัดสินใจปลิดชีพลาโลก หลังทำงานหนักจนเป็นโรคซึมเศร้า ทำงานล่วงเวลามากกว่า 200 ชั่วโมง ในเดือนเดียว
เรียกว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อล่าสุดวันที่ 23 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น ได้รายงานข่าวของ นายแพทย์ทาคาชิมะ ชินโกะ (Takashima Shingo) แพทย์ชาวญี่ปุ่นวัย 26 ปี ที่เคยทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านของ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์โคนัน ในเมืองโกเบ ของจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ปลิดชีพตัวเองเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว หลังจากทำงานล่วงเวลามากกว่า 200 ชั่วโมงในหนึ่งเดือน ซึ่งทางครอบครัวได้ร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานหนักที่มีปัญหามายาวนาน
โดยทนายของครอบครัวระบุ ทาคาชิมะ ทำงานล่วงเวลามากกว่า 207 ชั่วโมงในเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และไม่มีวันหยุดเลยเป็นเวลา 3 เดือน
ขณะที่ คุณแม่ของทาคาชิมะ ได้ออกชูรูปถ่ายของลูกชายในงานแถลงข่าวที่โอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยว่า ลูกชายของเขามีภาวะซึมเศร้าจากการทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่ลูกชายจะตัดสินใจลาโลก เขาเคยพูดบ่อยๆว่า "งานหนักเกินไป ไม่มีใครช่วยเขาได้ ไม่มีใครสนใจความรู้สึกเขา" ซึ่งมันทำให้เธอเชื่อว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกินขอบเขต ผลักให้เขาไปสู่จุดจบของชีวิตเช่นนี้
"ลูกชายของฉันจะไม่ได้เป็นหมอที่ใจดี ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยและสังคมได้อีกแล้ว โรงพยาบาลอาจมีหมออีกมากมายมาแทนที่เขา แต่สำหรับครอบครัวเราแล้ว เขาคือสมบัติที่ไม่อาจมีอะไรมาทดแทนได้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานของแพทย์จะดีขึ้น เพื่อไม่ให้สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต" คุณแม่ของทาคาชิมะ ได้กล่าวทั้งน้ำตา
ด้านพี่ชายของทาคาชิมะ ได้กล่าวเสริมว่า "ไม่ว่าเราจะมองอย่างไร เวลาการทำงานของน้องชายมากกว่า 200 ชั่วโมง ซึ่งนี่แค่ส่วนของการทำงานล่วงเวลา ก็เป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อ และผมก็ไม่คิดว่าโรงพยาบาลจะมีแนวทางในการจัดการแรงงานที่ชัดเจนตั้งแต่แรก"
อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่นั้น ได้แถลงการตอบโต้ปฏิเสธข้อกล่าวหาระบุว่า "มีหลายครั้งที่ (แพทย์) ใช้เวลาศึกษาด้วยตัวเองและนอนหลับตามความต้องการทางสรีรวิทยาของพวกเขา เนื่องจากมีอิสระในระดับที่สูงมาก จึงไม่สามารถกำหนดเวลาทำงานได้อย่างแม่นยำ"
ขณะที่ตามรายงานของสำนักงานตรวจสอบมาตรฐานแรงงาน ชี้ให้เห็นว่า ทาคาชิมะ เพิ่งมาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และได้รับมอบหมายหน้าที่ประเภทเดียวกับแพทย์อาวุโส เขาได้รับคำสั่งทั้งให้เขียนรายงานและนำเสนอการประชุม ทำให้ต้องใช้เวลาทำงานยาวนานมาก ส่งผลให้อาการซึมเศร้าหนักมากขึ้นกว่าเดิม จนเป็นเหตุให้เขาตัดสินใจปลิดชีพในที่สุด
ขอบคุณ CNN