อ่วม คุกคนละ 5 ปี "4 ตำรวจห้วยขวาง" ตั้งด่านรีดเงินบุหรี่ไฟฟ้าดาราสาวไต้หวัน
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก ตำรวจห้วยขวาง คนละ 5 ปี คดีรีดเงินดาราสาวไต้หวัน มีบุหรี่ไฟฟ้า สั่งริบเงินของกลาง 27,000 บ.
วันที่ 8 พ.ย.66 อัปเดตล่าสุดคดีดาราสาวไต้หวัน "อันหยูชิง" หรือ "ชาลีน อัน" โดนตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดเงิน 27,000 บาท เนื่องจากพบมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 4 ตำรวจห้วยขวาง ตั้งด่านจับบุหรี่ไฟฟ้า ดาราสาวชาวไต้หวัน คนละ 5 ปี ให้ร่วมกันคืนเงิน 27,000 บาท พร้อมยกฟ้องตำรวจ 2 ราย
โดยทาง เนชั่นออนไลน์ มีรายงานคำพิพากษา ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมีชอบกลาง ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต (โจทก์) ร้อยตำรวจเอก ย. ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน (จำเลย) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ที่ถูกดำเนินคดียัดบุหรี่ไฟฟ้าเรียกเงิน อัน อวี๋ฉิง หรือ ชาลีน อัน ดาราสาวไต้หวัน
และ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,149,157 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 5,13 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 7 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172, 173
คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 จำเลยทั้ง 6 ซึ่งเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีน จำเลยที่ 5 สังเกตเห็นรถยนต์มีลักษณะต้องสงสัยจึงส่งสัญญาณให้จอดเพื่อให้จำเลยที่ 4,6 ทำการตรวจต้น โดยมีจำเลยที่ 1-3 อยู่ร่วมกันในบริเวณดังกล่าวพบว่า กลุ่มคนโดยสาร มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง 3 อัน ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามฯ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และเป็นชาวต่างชาติไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่นใดว่าได้เดินทางเข้ามาในประเทศโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
จากนั้นจำเลยที่ 1-6 ได้ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 27,000 บาท จากนาย ป. ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนต่างชาติข้างต้นเพื่อให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี นาย ป. จึงจำยอมส่งมอบเงินจำนวน 27,000บาท ให้กับจำเลยที่ 3 จากนั้นจำเลยที่ 1,2 จึงสั่งให้ปล่อยตัวนาย ป. กับพวก ออกจากจุดตรวจไปโดยไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับนาย ป. กับพวกแต่อย่างใด
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83การกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
- ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 5 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 5-6 ริบเงิน 27,000บาท ที่จำเลยที่ 1-4 ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการคดีนี้ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ พรป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 193 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องปรับบท มาตรา 157 และมาตรา 172 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
สำหรับจำเลยที่ 5,6 ปรากฎข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุจำเลยที่ 5 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ด้านหน้าสุดของจุดตรวจ มีหน้าที่คัดกรองรถต้องสงสัยเพื่อส่งต่อให้เจ้าพนักงานตำรวจที่อยู่ด้านหลังห่างกันประมาณ 35 เมตร จำเลยที่ 5 เป็นผู้เรียกให้รถยนต์คันที่ผู้เสียหายทั้ง 4 นั่งมาเพื่อขอตรวจค้น เมื่อส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวจอดแล้ว ดาบตำรวจ อ. ได้รับรถคันดังกล่าวไปดำเนินการต่อ
หากจำเลยที่ 1-4 ไม่สามารถส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวได้ เพราะเหตุว่าโดยสภาพไม่สามารถส่งมอบได้ สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือได้มีการนำสิ่งนั้นไปรวมเข้ากับทรัพย์สินอื่น หรือได้มีการจำหน่าย จ่าย โอนสิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำได้โดยยากเกินสมควร หรือมีเหตุสมควรประการอื่นให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชำระเงิน 27,000 บาท
ที่มา nation online