ตร.บุกจับข้าราชการ C7 พร้อมพวก ทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ นาน 10 ปี เสียหาย 51 ล้าน
ตำรวจ ปปป.บุกจับข้าราชการ C7 หรือข้าราชการระดับ 7 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข หลังพบทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ นาน 10 ปี รวมเสียหาย 51 ล้านบาท ลูกสาว-ลูกเขยมีเอี่ยวด้วย...
ตำรวจบุกจับข้าราชการระดับ 7กรมวิทยาศาสตร์ฯ กับพวก ทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ : วันที่ 7 ธ.ค.66 (วันนี้) ตำรวจ ปปป. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บุกตรวจค้นและตรวจยึดทรัพย์สิน กลุ่มผู้ต้องหา ข้าราขการระดับ7 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข โดยมีหมายจับศาลอาญาในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในข้อกล่าวหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดใดใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น โดยของกลางที่ตรวจยึดในคดีนี้ ประกอบด้วย
- เงินสด 4,600,000 บาท
- ปืนออโตเมติกและปืนลูกโม่ 6 กระบอก
- เครื่องกระสุนปืน 40 นัด
- โฉนดที่ดิน 6 ฉบับ
- รถยนต์ 4 คัน
- รถจักรยานยนต์ 2 คัน
- นาฬิกาโรเล็กซ์ 6 เรือน
- กระเป๋าแบรนด์แนม 6 ใบ
ทางด้าน นายภูมิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า
คดีนี้เกิดขึ้นจากการร้องเรียนผ่านบัตรสนเทห์ ที่ระบุใจความสำคัญถึงกระบวนการของผู้ต้องหา ซึ่งระบุว่า “ด้วยมีรายชื่อหนึ่งรายชื่อ อยู่ที่ฝ่ายบริหาร สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการจัดซื้อวัสดุ โดยวิธีเจาะจงกับร้านที่ร่วมกระทำความผิดบ่อยครั้ง แต่ละครั้งยอดนั้นไม่เกิน 100,000 บาท ที่อยู่ของร้านนั้น อยู่ที่เดียวกับบ้านของผู้ที่กระทำความผิดรายนี้ ขอให้ช่วยไปดำเนินการตรวจสอบให้หน่อย”
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก็พบพฤติกรรมของ นางรัตนาภรณ์ ว่ามีการกระทำที่เป็นการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างจริง โดยนางรัตนาภรณ์ เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุจัดทำรายการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ จากนั้นก็เสนอรายการ ต่อนางจรรยา ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ และมีความสัมพันธ์เป็นแม่ของนางรัตนาภรณ์เอง ซึ่งนางจรรยา มีอำนาจในการอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างโดยตรง ซึ่งในกรณีนี้มีการจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง กรณีงบประมาณไม่เกิน 100,000 บาท
เมื่อได้รับการอนุมัติงบประมาณแล้วก็จะมีการสั่งซื้อพัสดุในนาม สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยสั่งซื้อจากบริษัท เอ็นวาย พลัส จำกัด ซึ่ง มีนายอานนท์เป็นเจ้าของบริษัท และยังมีสถานะเป็นสามีของนางรัตนาภรณ์ เป็นลูกเขยของนางจรรย โดยการตรวจสอบรายการจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่พฤศจิกายน 2565 จนถึงช่วงเดือนสิงหาคมปี 2566 พบการจัดซื้อจัดจ้าง รวม 89 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 8,865,640.15 บาท
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 เปิดเผยว่า
ผู้ต้องหาใช้การกระทำซ้ำๆ ข้อพิรุธคือมีเลขหนังสือเป็นเลขเดียวกันทั้งหมด และการกระทำของนางจรรยา กับ กรรมการตรวจรับไม่สอดคล้องกัน ซึ่งในการตรวจสอบเชิงพบว่า เป็นการปลอมรายมือชื่อ ผอ.และ กรรมการตรวจรีบอีก 2 รายชื่อ ในทุกรายการที่ปลอมเอกสารจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งกรณีนี้มีช่องว่างทางระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่ทำให้นางจรรยา พบช่องทางในการทุจริตคือใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการเฉพาะเจาะจงงบประมาณไม่เกิน 100,000 บาทและเลือกซื้อรายการ วัสดุอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์แบบชิ้นเล็กๆ ประเภทสิ้นเปลือง เช่น น้ำยาเคมี ชุดตรวจสารคัดหลั่ง ซึ่งเหล่านี้เป็นวัสดุวัสดุชิ้นเล็กสิ้นเปลืองและมีราคาสูง โดยผู้ต้องหาสามารถกระทำการได้แต่เพียงผู้เดียวมาตลอดหลายปีเพราะนายอำนาจหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว ส่วนการขยายผล ผู้เกี่ยวข้อง คือบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์การแพทย์ คือ พบพฤติกรรมการซื้อซ้ำๆ กับบริษัทเดิม 2 บริษัท ได้แก่
- บริษัท เอ็น วาย พลัส จำกัด ซึ่งมีสามีของนางรัตนาภรณ์ เป็นเจ้าของ เปิดดำเนินการ ปี 2554 ในปีงบประมาณ 2566 พบการซื้อ 44 ครั้ง รวม 153 รายการ เป็นเงิน มากกว่า 4,300,000 บาท
- บริษัท กู้ด แฟมิลี่ เปิดดำเนินกิจการในปี 2556 พบการสั่งซื้อ 45 ครั้ง เป็นเงินมากกว่า 4,400,000 บาท ซึ่งบริษัทมีนี้นางรัตนาภรณ์เป็นเจ้าของบริษัทเอง
ทั้งนี้ นายภูมิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า นางจรรยารับข้าราชการที่สถาบันชีววิทยาวิทยาศาสตร์ มานานกว่า 30 ปีแล้ว จึงมีการตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี ในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยย้อนหลังไปปี 2556 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ตรวจสอบพบมีการจัดซื้อจัดจ้าง 721 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นมากกว่า 51,300,000 บาท
ขณะที่นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังได้รับการร้องเรียนผ่านบัตรสนเทศก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้รีบประสานงานกับทางปอปอทอให้ตรวจสอบในทันที เมื่อผลการตรวจสอบออกมาแล้วในเบื้องต้นก็ยอมรับว่าได้สร้างความเสียหายต่อรัฐจำนวนมาก ยืนยันว่า หลังจากนี้จะยังมีการขยายผลว่า มีใครรู้เห็นหรือได้ผลประโยชน์กับกลุ่มผู้ต้องหาด้วยหรือไม่หากพบก็จะไม่มีการละเว้นเด็ดขาด