โจรในเครื่องแบบ! สั่งปลด 3 ตำรวจ อ้างเป็น ตร.คลองหลวง รีดไถรถป้ายทะเบียนปลอม

18 ธันวาคม 2566

สั่งปลด 3 ตำรวจไซเบอร์ แอบอ้างเป็น ตำรวจคลองหลวง กรรโชกทรัพย์และรีดไถเงิน 30,000 บาท จากรถติดป้ายทะเบียนปลอม

วันที่ 17 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เฟจเฟซบุ๊ก เครือข่ายเพื่อนตำรวจ ได้ทำการโพสต์ข้อความว่า “ตำรวจสอท.1อ้างเป็นตำรวจ ภ.จว.ปทุมธานี 3 คน ทำตัวเป็นโจรอุ้มผู้เสียหายไปตบทรัพย์ เลวแบบนี้มันต้องแฉให้หมดปล่อยไว้ก็เป็นภัยต่อสังคม” ก่อนที่โพสต์ถัดมาจะลงคลิปจากกล้องวงจรปิด และระบุข้อความว่า “คลิปวันเกิดเหตุ ตำรวจสอท.1 อ้างเป็นตำรวจ สภ.คลองหลวงอุ้มผู้เสียหายมากรรโชกเอาทรัพย์ที่ข้างโรงพัก”

โจรในเครื่องแบบ! สั่งปลด 3 ตำรวจ อ้างเป็น ตร.คลองหลวง รีดไถรถป้ายทะเบียนปลอม

ภาพจากกล้องวงจรปิด คือภาพของชาย 3 ราย อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ เข้าไปทำการกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย บริเวณห้างสรรพสินค้าย่านนวนคร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเรียกรับเงิน 30,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีเรื่องป้ายทะเบียนปลอม ก่อนจะพาผู้เสียหายมายังโรงพักสภ.คลองหลวง

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้น ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้เสียหายเป็นชายชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ลานจอดรถหน้าอำเภอคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนจะมีกลุ่มชายจำนวน 3 คน อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง แต่งกายชุดธรรมดา ไม่ได้แต่งชุดตำรวจ ไม่ได้แสดงบัตรตำรวจ มาขอตรวจสอบรถยนต์ วีออส สีดำ ซึ่งผู้เสียหายยืมเพื่อนมาใช้

โจรในเครื่องแบบ! สั่งปลด 3 ตำรวจ อ้างเป็น ตร.คลองหลวง รีดไถรถป้ายทะเบียนปลอม

จากนั้นก็แจ้งว่ารถใช้ป้ายทะเบียนปลอม ให้ผู้เสียหายนำรถไปที่ลานจอดรถหน้าอำเภอคลองหลวง ข้างสภ.คลองหลวง ก่อนจะพาผู้เสียหายไปนั่งคุยที่ร้านขายอาหารแถวลานจอดรถ โดยบอกว่ารถใช้ทะเบียนปลอมมีโทษทางอาญา หากไม่อยากติดคุก ให้จ่ายเงินมาจำนวน 30,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ


ชาย 1 ใน 3 คน ก็พาผู้เสียหายไปกดเงินที่ตู้ ATM บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่สามารถกดเงินได้ ผู้เสียหายจึงเดินกลับมาแล้วให้แฟนไปกดเงินให้แทน เมื่อได้เงินมาแล้ว กลุ่มชายทั้ง 3 คนได้ให้ผู้เสียหายไปเก็บของในรถออก แล้วนำเงินไปวางในรถ ก่อนจะบอกว่าจะนำรถไปตรวจสอบ แล้วให้มารับรถคืนแต่ไม่ได้บอกวันเวลา ทางผู้เสียหายจึงขึ้นแท็กซี่เพื่อเอาของไปที่นวนคร ก่อนจะนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่ลานจอดรถที่หน้าอำเภอคลองหลวง


แต่เมื่อกลับมาที่ลานจอดรถก็ไม่เจอรถแล้ว จึงไปแจ้งความที่ สภ.คลองหลวงไว้เป็นหลักฐาน โดยมีกล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจกำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่กับผู้เสียหาย และแฟนสาว

ล่าสุด พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ชายทั้ง 3 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง แต่ไม่ใช่ตำรวจสภ.คลองหลวง


โดยตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ก่อเหตุ มียศ พ.ต.ต. 2 นาย และ ร.ต.ต. 1 นาย สังกัดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (สอท.) ประกอบด้วย
พ.ต.ต.บุญทัน พันธ์จันทร์ สว.กลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ บก.ตอท. 
พ.ต.ต.ครรชิต จันท่าม่วง สว.กก.4 บก.สอท.1
ร.ต.ต.กำจัด บูชา รอง สว.กก.4 บก.สอท.1

โจรในเครื่องแบบ! สั่งปลด 3 ตำรวจ อ้างเป็น ตร.คลองหลวง รีดไถรถป้ายทะเบียนปลอม

เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้ง 3 นาย ใน 3 ข้อหา คือ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน, ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกรรโชกทรัพย์ 


ด้านรถของผู้เสียหายนั้น ทางตำรวจ 3 นายได้นำมาส่งคืนที่สภ.คลองหลวง ตั้งแต่ช่วงตีสองของวันที่ 17 ธันวาคม (หลังแจ้งความ) ซึ่งทาง สภ.คลองหลวง จะส่งรถไปให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 นำไปตรวจสอบเก็บหลักฐานอีกครั้ง ส่วนผู้เสียหายนั้นก็มีความผิดเรื่องการสวมทะเบียนรถ ซึ่งดำเนินคดีกับผู้เสียหายในอีกส่วนหนึ่ง 


ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายแจ้งว่าถูกตำรวจ 3 นาย เรียกเงิน 30,000 บาท ตอนนี้พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ได้ยึดเงินดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่จากการสอบปากคำผู้เสียหายและตำรวจผู้ก่อเหตุ พบว่ามีคำให้การบางอย่างที่สอดคล้อง และไม่สอดคล้องกัน โดยส่วนที่สอดคล้องคือ ยืนยันได้ว่ามีการไปเรียกตัวผู้เสียหายมาเจรจาที่ข้าง สภ.คลองหลวงจริง


แต่ที่ไม่สอดคล้องกัน เช่น เงิน 30,000 บาท ซึ่งทางผู้เสียหายอ้างว่าไปกดเงินมาให้ตำรวจ แต่ฝ่ายตำรวจอ้างว่า ยึดรถไปตรวจสอบแล้วถึงเจอเงินในรถ


และประเด็นที่ผู้เสียหายให้การว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ สภ.คลองหลวงนั้น ทางตำรวจ สอท.ยืนยันว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น ซึ่งข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน จะต้องมีการสอบปากคำและสืบสวนรายละเอียดต่อไปให้ได้ข้อเท็จจริง โดยหลังจากสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จะส่งให้ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นาย ให้มาประจำที่ ศปก.สอท. พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาในสังกัดพานายตำรวจทั้ง 3 นาย ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เจ้าของคดี เพื่อให้ปากคำแล้ว หากตรวจสอบพบว่า นายตำรวจทั้ง 3 นาย กระทำผิดจริง จะดำเนินการในขั้นเด็ดขาด โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย