ปั้น 10 เมืองรองสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก ภายในเดือน ม.ค. นี้
10 ที่เที่ยวเมืองรองสุดปัง! รัฐบาลเตรียมปั้นเป็น "เมืองหลัก" ในปี 2567 หลังหอการค้าไทยและ ททท. คัดเลือก 10 เมืองรองจากศักยภาพด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หวังกระจายรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว
รัฐบาลเตรียมประกาศปั้น 10 เมืองรองให้เป็น ‘เมืองท่องเที่ยวหลัก’ ภายในเดือน มกราคม 2567 หลังหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมเคาะรายชื่อจังหวัดต่างๆ ที่เข้าเกณฑ์ เพื่อเตรียมเปิดตัวนำร่องโปรโมต หวังกระจายรายได้ไม่ให้กระจุกตัวเฉพาะในเมืองหลัก กระตุ้นเศรษฐกิจ สอดรับกับทางหอการค้าไทย ที่เตรียมคลอดโครงการใหม่ ผลักดัน “10 เมืองรอง” ให้เป็นเมืองหลัก ซึ่งเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ทั้งมิติการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว
โดย 10 จังหวัดจาก 5 ภูมิภาคของไทย แม้บางจังหวัดอย่าง “กาญจนบุรี” จะเป็นเมืองหลักอยู่แล้ว แต่ควรต้องมีการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น
รายชื่อ 10 จังหวัด ประกอบไปด้วย
1. แพร่
จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประตูแห่งล้านนาตะวันออก มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังทั้งทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่และน่าสนใจมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส ได้แก่ วัดพระธาตุลำปางหลวง, วัดพระธาตุช่อแฮ, วัดจอมสวรรค์, คุ้มวงศ์บุรีและคุ้มเจ้าหลวง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาด้วย เช่น แพะเมืองผี, แก่งเสือเต้น, อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย, อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง, แก่งหลวง เป็นต้น
2. ลำปาง
เมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในภาคเหนือที่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของบรรยากาศย้อนยุค ภายในตัวเมืองที่ยังใช้รถม้าเป็นพาหนะรับส่งผู้โดยสารจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ตลอดจนมีอาคารสถาปัตยกรรมโบราณ เช่น “กาดกองต้า” ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ริมแม่น้ำวัง ถัดมาคือ “สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว” แลนด์มาร์กเก่าแก่ของลำปางอายุกว่า 100 ปี และ “อุโมงค์ขุนตาล” ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นอุโมงค์รถไฟที่สวยงามและยาวที่สุดในไทย นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ พระธาตุลำปางหลวง, พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง, อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน, เหมืองแม่เมาะ, เขื่อนกิ่วลม, วัดพระธาตุดอยพระฌาน, วัดจองคำพระอารามหลวง, หล่มภูเขียว เป็นต้น
3. นครสวรรค์
ประตูเชื่อมระหว่างภาคกลางกับภาคเหนือของประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคงหนีไม่พ้น “บึงบอระเพ็ด” ซึ่งเป็นบึงน้ำธรรมชาติอันเป็นถิ่นอาศัยของนกหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังมีกิจกรรมล่องเรือชมดอกบัวหลวงและอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแลนด์มาร์กชื่อ “พาสาน” ที่มีสถาปัตยกรรมเป็นรูปโค้งโดดเด่นพร้อมการประดับไฟแสงสีเสียงอันงดงาม นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ จันเสน (เมืองโบราณ), อุทยานสวรรค์, วัดศรีอุทุมพร, วัดคีรีวงศ์, สะพานเดชาติวงศ์ (สะพานประวัติศาสตร์อายุ 60 ปี)
4. นครพนม
ในอดีตที่นี่เคยเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน จึงมีวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจอยู่มากมาย และยิ่งปัจจุบันนี้นครพนมเป็นจุดผ่านแดนไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่สำคัญอีกจุดหนึ่งของไทย ทั้งนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ พระธาตุพนม, พระธาตุนคร, วัดนักบุญอันนา บ้านหนองแสง, อุทยานแห่งชาติภูลังกา ดอยหัวลิง เป็นต้น
5. ศรีสะเกษ
เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณซึ่งนำเอาศิลปะวัฒนธรรมของชาติต่างๆ โดยเฉพาะขอมโบราณมาหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตท้องถิ่นอีสานได้อย่างลงตัวและมีเอกลักษณ์โดดเด่น นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและไม่ควรมองข้าม ได้แก่ ผามออีแดง, ปราสาทปรางค์กู่, วัดมหาพุทธาราม, สวนสัตว์ศรีสะเกษ, น้ำตกสำโรงเกียรติ ฯลฯ
6. จันทบุรี
จังหวัดทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 245 กิโลเมตร เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการปลูกผลไม้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะราชาแห่งผลไม้อย่าง “ทุเรียน” และราชินีแห่งผลไม้อย่าง “มังคุด” มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ โบสถ์คาทอลิกจันทบุรี, คุ้งวิมาน, พระอุโบสถและเจดีย์ร้อยปีที่วัดทองทั่ว, ถนนศรีจันท์ถนนสายอัญมณี (ตลาดพลอย), เขาคิชฌกูฏ, น้ำตกพลิ้ว เป็นต้น
7. ราชบุรี
เป็นเมืองเก่ามาแต่โบราณ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในแคว้นสุวรรณภูมิ มีนครปฐมเป็นมหานคร เรียกว่า “ทวารวดี” จากตำนานเล่าว่า นครปฐมเป็นเมืองหลักที่ใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยตัวเมืองราชบุรีนั้น มีการย้ายที่ตั้งเมืองมาหลายสมัย กระทั่งในปี พ.ศ. 2440 ได้ย้ายมาตั้งยังศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก (ตลาดน้ำ 100 ปี), สวนผึ้ง, น้ำตกห้วยผาก, พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร เป็นต้น
8. กาญจนบุรี
จังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและเทือกเขาสูง โดยมีแม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือ แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย ที่ไหลขนานลงมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแม่กลองที่ตัวเมืองกาญจนบุรี โดยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สะพานมอญ (สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย), สุสานทหารพันธมิตร, เขื่อนศรีนครินทร์, เขื่อนวชิราลงกรณ์, วัดใต้น้ำ, เมืองบาดาล, ด่านเจดีย์สามองค์, เขาช้างเผือก, น้ำตกไทรโยค, น้ำตกห้วยขมิ้น, น้ำตกเอราวัณ, วัดถ้ำเสือ เป็นต้น
9. นครศรีธรรมราช
เป็นเมืองโบราณที่มีความสําคัญในหลายๆ ด้าน มีการค้นพบวัตถุโบราณและหลักฐานทางโบราณคดีมากมาย จากประวัติศาสตร์พบว่า ช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-19 เมืองนครศรีธรรมราชมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด เป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับการค้าขายทางเรือ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและได้ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมไปยังหัวเมืองอื่นๆ รวมทั้งสุโขทัย ปัจจุบันนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจังหวัดในภาคใต้ รองจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร, ล่องแพบ้านวังหอน, หมู่บ้านคีรีวงศ์, วัดเจดีย์ไอ้ไข่, แหลมตะลุมพุก, อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้, ตลาดย้อนยุคปากพนัง, บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ เป็นต้น
10. ตรัง
เป็นจังหวัดท่องเที่ยวทางทะเลแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวนมาก เนื่องด้วย
มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ เกาะมุกและถ้ำมรกต, หาดเจ้าสำราญ, อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม, หาดทรายยาว, เกาะลิบง (เกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลตรัง), เกาะกระดาน, ถ้ำเลเขากอบ, น้ำตกโตนใหญ่ น้ำตกโตนน้อย, พิพิธภัณฑ์บ้านพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี เป็นต้น