มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี ลงนาม MoU ยูนิเซฟประเทศไทย พัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย
มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซีลงนาม MoU กับ ยูนิเซฟประเทศไทย ร่วมผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีคุณภาพทั่วถึงและเท่าเทียมในประเทศไทย
นายอัศวิน-นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล รองประธานกรรมการ และกรรมการ เลขานุการ และเหรัญญิก มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี ให้การต้อนรับ นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟประเทศไทยและคณะในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี กับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยเพื่อสร้างหลักประกันให้เด็กทุกคนในประเทศไทยได้เริ่มต้นชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีโอกาสเรียนรู้และได้รับโอกาสในการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ในสภาพแวดล้อมที่เอาใจใส่และปลอดภัยทั้งในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ณ ห้องออดิทอเรียมอาคารบิ๊กซีเฮ้าส์
นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุลกรรมการ เลขานุการ และเหรัญญิกมูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซีกล่าวว่า “ปฐมวัยคือช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 6 ปีมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเส้นทางอนาคตของเด็ก เป็นช่วงเวลาแห่งการปูพื้นฐานในการพัฒนาทักษะทางร่างกายสังคม อารมณ์และการคิดของเด็กรวมทั้งการเรียนรู้ตลอดชีวิตปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีความซับซ้อนและเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของสังคมไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกมูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี
เราตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยและอีกทั้งเด็กปฐมวัยอีกจำนวนมากยังเผชิญความท้าทายมากมาย เช่น เด็กในครอบครัวยากจน และเด็กที่พ่อแม่มีการศึกษาไม่สูงโดยเฉพาะเด็กที่อาศัยอยู่ในชนบทและชายขอบและเด็กพิการ มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี เชื่อมั่นว่า การลงทุนเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างต่อเนื่องเป็นการลงทุนที่สำคัญอย่างยิ่ง และจะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญกับการพัฒนาเด็กในช่วงวัยนี้ของประเทศไทยต่อไป”
“การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี และ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย“ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย(ECD)”(Memorandum of Understanding between BJC BIG C Foundation and UNICEF Thailand on Early Childhood Development Programme) ถือเป็นการเริ่มต้นความร่วมมือเพื่อร่วมผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพ ครอบคลุมและเท่าเทียมในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนภารกิจองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยในด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและครอบครัวในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มเด็กที่เปราะบางที่สุดจะสามารถเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนได้ในอนาคต”
การสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2565 หรือ ThailandMICS 2022 (Multiple Indicators Cluster Survey) ซึ่งเป็นการสำรวจระดับประเทศที่ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างประชากรเด็กและสตรีที่ใหญ่ที่สุดพบว่า เด็กที่ไม่ได้รับการศึกษาปฐมวัยเพียงร้อยละ 67 เท่านั้นที่มีพัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์
ในขณะที่เด็กที่ได้รับการศึกษาปฐมวัยร้อยละ 81 มีพัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์โดยเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลกในการวัดตัวบ่งชี้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน จะทำการประเมินเด็กใน 3 หัวข้อ ได้แก่ การเรียนรู้ ความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตสังคม และสุขภาพ
ทั้งนี้ พัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์หมายความว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดีซึ่งจะช่วยให้พวกเขาพร้อมสำหรับการเรียนและพัฒนาตัวเองได้เต็มศักยภาพ
นางคยองซอน คิม ผู้แทนองค์การยูนิเซฟประจําประเทศไทย กล่าวว่า “การลงทุนเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอนาคตของประเทศไทยด้วย แม้ว่าการจัดหาการศึกษาปฐมวัยแก่เด็กอายุเกิน 3 ขวบ จะมีความก้าวหน้าไปมาก
แต่เรายังมีช่องว่างในด้านความพร้อม ราคา และคุณภาพของบริการดูแลสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบในระยะยาว โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หรือ 3 จำนวน 6 ใน 10 คนมีปัญหาด้านการอ่าน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการอ่านโดยรวมในประเทศไทยลดลง อีกทั้งคะแนนในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นยังย่ำอยู่กับที่ เราขอขอบคุณ มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซีที่ได้ลงทุนเพื่ออนาคตที่สดใสของเด็กๆ"
“การแก้ปัญหาด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยไม่ใช่เรื่องง่ายต้องอาศัยสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมด้วยองค์ความรู้ที่ทันสมัย ตลอดจนความรู้และความเข้าใจจากผู้ปกครอง มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซึ จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการพัฒนาเด็กปฐมวัย
เราเชื่อว่าทุกคนในสังคมอยากเห็นประเทศไทยขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่ดีเราพร้อมมอบโอกาสและเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันการพัฒนาเด็กปฐมวัยสร้างหลักประกันให้เด็กทุกคนในประเทศไทยได้เริ่มต้นชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีโอกาสเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และช่วยให้พวกเขาวิ่งตามความฝันและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพพร้อมสร้างประโยชน์ให้กับสังคมการสนับสนุนเด็กปฐมวัยถือเป็นการลงทุนที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ”นายอัศวิน กล่าวสรุป