รวบแล้ว ผู้ต้องหาคนสุดท้าย "อุ้มสังหารเสี่ยหมาด" ขุดวีรกรรมคดีฉาวเพียบ
จับแล้ว ผู้ต้องหารายสุดท้าย คดีอุ้มฆ่าเสี่ยหมาด จังหวัดชุมพร หนีกบดานในสวนยางพาราพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ขุดวีรกรรมคดีฉาวเพียบ
คืบหน้าคดี "อุ้มสังหารเสี่ยหมาด" ล่าสุดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมผู้ต้องหารายสุดท้าย คดีอุ้มฆ่าเสี่ยหมาด จังหวัดชุมพร นำโดย พ.ต.ท.กิตติพงศ์ ศิลาพันธุ์ สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.นราวิชญ์ เปี้ยสุ รอง สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.ต.ศรศักดิ์ แก้วแกลบ รอง สว.(ป.) กก.4 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ป. โดยหนีกบดานในสวนยางพาราพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม งานนี้โดนหลายข้อหาหนัก
ร่วมกันจับกุม นายสุทีปฯ หรือ เอียด อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ จ.72/2567 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา ในความผิดอื่นที่ตนกระทำไว้, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นและร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกังขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำ หรือบุคคลอื่น"
โดยจับจับกุมได้ที่ร้านรับซื้อยางพารา ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก พฤติการณ์ สืบเนื่องจากคดีที่นายขนบฯ หรือ โกหมาด อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของสนามชนไก่ชาว จ.ชุมพร หายตัวไปอย่างปริศนาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต่อมาญาติได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาสัก จ.ชุมพร โดยได้มีการสืบสวนสอบสวนจนพบร่างนายขนบ หรือ โกหมาดฯ ถูกฆ่าฝังศพอยู่ในหลุมลึก บริเวณหมู่บ้านหลักสิบ หมู่ที่ 2 บ้านลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวคนร้าย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง คือ นางวันเพ็ญ หรือเจ๊อ้วน อายุ 64 ปี (ภรรยาของนายขนม หรือ โกหมาดฯ) ซึ่งเป็นผู้ใช้ จ้างวาน และทีมอุ้มฆ่าอีก 4 ราย ซึ่งต่อมานางวันเพ็ญ หรือเจ๊อ้วนฯ และแก๊งอุ้มฆ่าจำนวน 3 ราย ได้เข้ามอบตัวและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว แต่ยังคงเหลือเพียงนายสุทีปฯ ที่หลบหนีการจับกุม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้สืบสวนทราบว่านายสุทีปฯ ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่เฝ้าติดตามมาโดยตลอด จนกระทั่งได้ร่วมกันวางแผน และเข้าจับกุมตัวนายสุทีปฯ ได้ที่บริเวณร้านรับซื้อยางพารา ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวนายสุทีปฯ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาสัก จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบยังพบว่า นายสุทีปฯ มีหมายจับของศาลอีกจำนวน 2 หมาย คือ
1. หมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 2877/2566 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2566 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”
2. หมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 95/2567 ลงวันที่ 23 เมษายน 2567 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสอบสวนแล้วหลบหนี” ด้วย จึงได้ทำ
เบื้องต้น ผู้ต้องหาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา