เปิดความหมาย ทองคำ ทองเค ทองปลอม ต่างกันอย่างไร
ทองคำ ทองเค ทองปลอม เคยสงสัยไหมว่า 3 ทองที่ว่ามานี้ ทำไมถึงราคาแพง หรือว่าทองเคกับทองแท้ต่างกันอย่างไร? คำถามเหล่านี้มีคำตอบที่น่าสนใจกว่าที่คุณคิด
ทองคำ ทองเค ทองปลอม เคยสงสัยไหมว่า 3 ทองที่ว่ามานี้ ทำไมถึงราคาแพง "ทองคำ" สินทรัพย์ที่มีค่าและเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วโลกมานานนับพันปี ด้วยความสวยงามและคุณสมบัติพิเศษ ทำให้ทองคำถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ สินค้าหรูหรา หรือแม้แต่สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ แต่หลายคนอาจยังมีความสับสนเกี่ยวกับทองคำ "ทองเค" และ "ทองปลอม" ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้เข้าใจอย่างชัดเจน
ทองคำ คือ โลหะมีค่าที่มีความสวยงามและคงทนสูง เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกมาช้านาน ด้วยคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ทำให้ทองคำมีค่าและเป็นที่ต้องการเสมอมา
- ทองคำบริสุทธิ์: ทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% มักใช้ในการลงทุน
- ทองคำ 96.5%: ทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% นิยมใช้ทำเครื่องประดับ
- ทองคำ 90%: ทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 90% ใช้ทำเครื่องประดับที่มีความแข็งแรงทนทาน
- ทองเค: เป็นทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำบริสุทธิ์น้อยกว่าทองคำ 96.5%
"ทองเค" เป็นคำที่หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่แท้จริง บางคนเข้าใจผิดว่าทองเคคือทองปลอม แต่ความจริงแล้ว ทองเคก็คือทองคำแท้เช่นกัน เพียงแต่มีส่วนผสมของทองคำบริสุทธิ์น้อยกว่าทองคำ 96.5% ที่นิยมใช้ทำเครื่องประดับทั่วไป
- ทอง 9K (37.5%): เป็นทองเคที่มีปริมาณทองคำบริสุทธิ์น้อยที่สุดในบรรดาที่กล่าวมา มักใช้ทำเครื่องประดับราคาประหยัด เนื่องจากมีราคาถูกและน้ำหนักเบา
- ทอง 10K (41.6%): นิยมใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา
- ทอง 14K (58.3%): เป็นทองเคที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และมีราคาที่สมเหตุสมผล
- ทอง 18K (75%): เป็นทองเคที่มีปริมาณทองคำบริสุทธิ์สูง ทำให้มีความสวยงามและหรูหรา เหมาะสำหรับเครื่องประดับระดับไฮเอนด์
- ทอง 20K (83.3%): มีปริมาณทองคำบริสุทธิ์สูง ทำให้มีความอ่อนนุ่มและมีความสวยงาม แต่ไม่นิยมใช้ทำเครื่องประดับมากนัก เนื่องจากมีความแข็งแรงน้อยกว่าทอง 18K
- ทอง 22K (91.6%): นิยมใช้ทำแหวน กรอบพระ และเครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความแข็งแรง
- ทอง 24K (99.99%): คือทองคำบริสุทธิ์ 100% มีความอ่อนนุ่มมาก ไม่นิยมนำมาทำเครื่องประดับ เนื่องจากเสียรูปได้ง่าย มักนำมาทำเป็นทองแท่งเพื่อการลงทุน
"ทองปลอม" คือสิ่งที่มักจะถูกนำมาหลอกลวงผู้บริโภค โดยมีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับทองคำ แต่เมื่อนำไปตรวจสอบจะพบว่าเป็นโลหะชนิดอื่นที่เคลือบด้วยสารให้มีสีเหลืองเหมือนทองคำ
- ทองชุบ: เป็นการนำโลหะอื่น เช่น ทองเหลือง หรือสแตนเลส มาเคลือบด้วยชั้นทองบางๆ เพื่อให้มีลักษณะภายนอกเหมือนทองคำแท้
- ทองผสม: เป็นการผสมทองคำบริสุทธิ์ในปริมาณน้อยมากกับโลหะอื่นๆ เช่น เงิน หรือทองแดง ทำให้ได้สีที่คล้ายทองคำ แต่มีราคาถูกกว่า
- ทองปลอมที่ทำจากโลหะอื่น: อาจใช้โลหะอื่นๆ ที่มีสีเหลืองคล้ายทองคำ เช่น ทองเหลือง หรือทองแดง มาทำเป็นเครื่องประดับเลียนแบบทองคำ
- ทองปลอมที่ทำจากพลาสติก: มีน้ำหนักเบาและราคาถูกมาก มักใช้ทำเครื่องประดับแฟชั่น
มีวิธีตรวจสอบทองคำแท้ยังไงบ้าง?
การตรวจสอบทองคำแท้เบื้องต้น สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ค่ะ
1. ตรวจสอบตราประทับ:
- ทองคำแท้ จะมีตราประทับระบุความบริสุทธิ์ เช่น 96.5%, 90% เป็นต้น ตราประทับนี้จะบอกถึงปริมาณทองคำบริสุทธิ์ที่ผสมอยู่ในทองคำชิ้นนั้น
- สังเกตความชัดเจนของตราประทับ: ตราประทับของทองคำแท้จะคมชัด ไม่เบลอ
2. ตรวจสอบน้ำหนัก:
- ทองคำแท้ จะมีน้ำหนักที่แน่นอนเมื่อเทียบกับขนาด
- ใช้เครื่องชั่งทองคำ: เพื่อเปรียบเทียบน้ำหนักกับทองคำแท้ชิ้นอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
3. ตรวจสอบสีและความมันวาว:
- ทองคำแท้ จะมีสีเหลืองอร่าม มีประกายเป็นเอกลักษณ์
- ทองปลอม อาจมีสีที่ดูเหลืองเกินจริง หรือสีซีดกว่าทองคำแท้
4. ทดสอบด้วยแม่เหล็ก:
- ทองคำแท้ ไม่ดูดติดกับแม่เหล็ก
- ทองปลอม บางชนิดอาจผสมโลหะที่มีส่วนผสมของเหล็ก ทำให้ดูดติดกับแม่เหล็กได้
5. ทดสอบด้วยกรดไนตริก:
วิธีนี้ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากกรดไนตริกเป็นสารเคมีที่อันตราย
- ทองคำแท้ เมื่อสัมผัสกับกรดไนตริกจะไม่เกิดปฏิกิริยา
- ทองปลอม เมื่อสัมผัสกับกรดไนตริก อาจเกิดการเปลี่ยนสี หรือละลาย
6. ใช้เล็บขูดเบาๆ:
- ทองคำแท้ มีความอ่อนนุ่ม สามารถขูดด้วยเล็บได้ แต่จะทิ้งรอยขูดที่เป็นสีทอง
- ทองปลอม อาจไม่ทิ้งรอยขูด หรือทิ้งรอยขูดที่มีสีแตกต่างจากสีทอง
7. สังเกตเสียงเมื่อเคาะ:
- ทองคำแท้ เมื่อเคาะจะให้เสียงกังวาน
- ทองปลอม อาจให้เสียงทึบ
ข้อควรระวัง:
วิธีการตรวจสอบเหล่านี้เป็นเพียงการตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางในการสังเกต
เพื่อความมั่นใจ ควรนำทองคำไปตรวจสอบที่ร้านทองที่มีความน่าเชื่อถือ โดยร้านทองจะมีเครื่องมือตรวจสอบที่แม่นยำ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- ซื้อทองคำจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ: เลือกร้านค้าที่มีชื่อเสียงและมีใบอนุญาต
- ขอใบรับประกัน: เมื่อซื้อทองคำ ควรขอใบรับประกัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบหรือเปลี่ยนคืนได้ในกรณีที่เกิดปัญหา
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทองคำ: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทองคำชนิดต่างๆ และราคาทองคำ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์