MCIA จับมือ ซีพี ปูทางผลิตข้าวโพดโปร่งใสในเมียนมา แก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน
สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา เตรียมพร้อมขับเคลื่อนเกษตรกรและพ่อค้าผู้รวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เข้าสู่ระบบตรวจสอบย้อนกลับของเครือซีพี หวังยกระดับความยั่งยืน เพิ่มความเชื่อมั่นผู้ซื้อทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ลดหมอกควันข้ามแดน และลดผลกระทบต่อสุขภาพ
ย่างกุ้ง, เมียนมา - นาย อู เอ ชาน อ่อง (U Aye Chan Aung) ประธานสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา (MCIA) พร้อมนำทีมพ่อค้าข้าวโพดฯในเมียนมาเข้าร่วมระบบตรวจสอบย้อนกลับของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยเน้นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐรวมถึงความมุ่งมั่นของเกษตรกร และผู้ประกอบการทุกฝ่ายในอุตสาหกรรม หวังยกระดับความยั่งยืนและความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการส่งออก
โดยเมื่อเร็วๆนี้ สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดพม่า ได้ประกาศความร่วมมือกับ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด หรือ CPP และ บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ในโครงการความร่วมมือยกระดับการตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเมียนมา โดยไม่รับซื้อจากพื้นที่เผาป่า ซึ่งพ่อค้าผู้รวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเมียนมา จะเข้ามาใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่บริษัทในเครือซีพีพัฒนาขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเมียนมา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม
นาย อู เอ ชาน อ่อง ประธานสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา (MCIA) เปิดเผยว่าระบบตรวจสอบย้อนกลับนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นใจในแหล่งที่มาของผลผลิตและสร้างความโปร่งใสให้กับอุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเมียนมา ช่วยให้เกษตรกรและพ่อค้า สามารถเข้าถึงตลาดที่มีความต้องการวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานสูงและยั่งยืนได้มากขึ้น
ซึ่งเกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมระบบตรวจสอบย้อนกลับ เช่นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต การเข้าถึงตลาดที่มีความต้องการวัตถุดิบที่ผ่านการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงการได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ซื้อทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งระบบนี้ยังช่วยเสริมสร้างความโปร่งใสให้กับกระบวนการผลิต ทำให้เกษตรกรรับรู้และปฏิบัติตามแนวทางการเพาะปลูกที่ยั่งยืน ส่งเสริมความมั่นใจในผลผลิตของเมียนมาในระยะยาว
สำหรับพ่อค้าข้าวโพด ระบบตรวจสอบย้อนกลับ จะช่วยให้พวกเขาสามารถแสดงถึงความโปร่งใสในแหล่งที่มาของข้าวโพดที่จัดหาได้อย่างชัดเจน ไม่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เผาป่าหรือรุกล้ำพื้นที่ป่าทำ ให้สามารถเข้าถึงตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ตลาดต่างประเทศที่มีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมเข้มงวดได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เนื่องจากสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้อย่างละเอียด
นาย อู เอ ชาน อ่อง ยังได้เน้นถึงการใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่นการป้องกันการเผาป่า และการรุกล้ำพื้นที่ป่า รวมถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้การปฏิบัติตามแนวทางการเพาะปลูกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นไปได้อย่างยั่งยืน
ในระยะยาว การเชื่อมต่อระหว่างภาคเอกชนเกษตรกรและผู้ประกอบการผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาความยั่งยืนของอุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเมียนมา สมาคมฯพร้อมที่จะสนับสนุน และนำระบบตรวจสอบย้อนกลับมาใช้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของเมียนมา รวมถึงการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความโปร่งใส และยกระดับอุตสาหกรรมในระยะยาว
ด้าน ดร.พโย โก โก ไนง์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Alliance Eagles Group Limited ในฐานะกรรมการสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา (MCIA) ได้แสดงความยินดีและขอบคุณต่อความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวโพดของประเทศ ผ่านการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับเข้ามาใช้ ซึ่งจะช่วยยกระดับความยั่งยืนและความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการส่งออก
ในการนี้ ดร.พโย โก โก ไนง์ กล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดฯ ก่อตั้งขึ้นความสำคัญของการจัดตั้งสมาคมฯ เมื่อปี 2019 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและสนับสนุนเกษตรกร พ่อค้า ผู้ส่งออก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมข้าวโพดในประเทศ นอกจากนี้ สมาคมยังได้จัดตั้งสมาคมระดับภูมิภาคทั่วประเทศ ครอบคลุมถึง 9 รัฐและภูมิภาค ได้แก่ มัณฑะเลย์ รัฐฉานใต้ รัฐกะเหรี่ยง และอื่น ๆ เพื่อสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งในทุกพื้นที่
ในส่วนของเป้าหมาย สมาคมฯ เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา โดยการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการทำงานร่วมกับธนาคารเพื่อสนับสนุนด้านการเกษตร และการจัดการด้านสินเชื่อสำหรับเกษตรกรและพ่อค้า
ดร.พโย โก โก ไนง์ ยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากหมอกควันข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคนี้ สมาคมข้าวโพดฯ จึงได้ให้การสนับสนุนการเข้าร่วมข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยการควบคุมมลพิษข้ามพรมแดนจากหมอกควัน (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution – AATH) เพื่อร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในการป้องกันและควบคุมมลพิษจากการเผาป่า
สมาคมฯ ยังได้ร่วมกันพัฒนาการเพาะปลูกข้าวโพดในประเทศให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมุ่งเน้นการป้องกันการเผาป่าเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นให้กับอุตสาหกรรมข้าวโพดในประเทศ
การเข้าร่วมระบบตรวจสอบย้อนกลับของสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา จะไม่เพียงส่งเสริมความสำเร็จให้กับเกษตรกร พ่อค้า และผู้ส่งออก แต่ยังช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สมาคมข้าวโพดฯ พร้อมที่จะผลักดันและสนับสนุนโครงการนี้เพื่อสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอย่างแข็งขันในอนาคต