แม่ตกใจ จู่ๆ ลูกวัย 15 เดือน ปากเบี้ยว - หลับตาไม่สนิท ผลวินิจฉัยแทบยืนไม่อยู่
แม่ตกใจ จู่ๆ ลูกวัย 15 เดือน ปากเบี้ยว - หลับตาไม่สนิท รีบพาไปโรงพยาบาล ได้ยินผลวินิจฉัยจากปากหมอแทบยืนไม่อยู่
บ้านใครที่กำลังมีลูกเล็กๆ ต้องดูแลและสังเกตลูกหลานในบ้านดีๆ เพราะเริ่มมีเคสตัวอย่างให้เห็นแล้ว อย่างล่าสุดมีรายงานจากเวียดนามว่า คุณแม่รายหนึ่งต้องรีบพาลูกสาวอายุ 15 เดือนเข้าตรวจที่โรงพยาบาลทันที หลังจากในตอนเช้าเด็กก็ดูปกติเหมือนทุกวัน แต่จู่ๆ ลูกสาววัย 15 เดือน ก็ประสบช่วงเวลาที่น่ากังวล ปากบิดเบี้ยวและหลับตาไม่สนิท
หลังจากที่ได้พบคุณหมอ ซึ่งจากการตรวจทางคลินิก แพทย์วินิจฉัยว่าทารกมีอาการเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า "โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก" ซึ่งเป็นภาวะ ที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากพบในเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีสุขภาพไม่ดีมักมีความเสี่ยงสูง ทำให้ใบหน้าของเด็กบิดเบี้ยวด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งหมด ภาวะนี้อาจทำให้เด็กขยับปาก เปลือกตา หรือจมูกได้ยาก
ตามรายงานระบุว่า เคสนี้ทารกได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเป็นการผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนโบราณ และการฟื้นฟูสมรรถภาพทีมแพทย์ไม่เพียงแต่ให้การรักษาอย่างมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่จิตวิทยาของเด็กด้วย เพราะเด็กเล็กมักจะกลัวเมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
อีกทั้งจากข้อมูลของแพทย์ที่ทำการรักษา สาเหตุหลักของเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ ในเด็กเล็กมักเกิดจากการเป็นหวัด เพื่อป้องกันสิ่งนี้ ผู้ปกครองจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเด็ก โดยเฉพาะศีรษะ คอ หน้าอกแขน และขา รวมทั้งใส่ใจเรื่องโภชนาการเพื่อเพิ่มความภูมิต้านทานของเด็ก
ทั้งนี้เด็กอาจเป็นนี้ได้ทุกช่วงเวลาของปี แต่ฤดูหนาวและการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้สูง จากสถิติพบว่ามากกว่า 75% ของกรณีเกิดจากการสัมผัสความเย็นกะทันหัน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ถ่ายทอดทางพันธุกรรม, เด็กที่ติดเชื้อไวรัส เช่น หัดเยอรมัน เริม, เด็กที่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า, เด็กที่เป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่
อย่างไรก็ตาม เด็กที่เป็นเส้นประสาทสมองที่ 7 อักเสบ จะมีอาการค่อนข้างชัดเจนและสังเกตได้ เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าหย่อนคล้อย,กล้ามเนื้อใบหน้าตึงกะทันหัน, ไม่สามารถปิดตาข้างหนึ่งให้สนิทได้ , น้ำดื่มมักหกออกมาจากปาก, ชาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งใบหน้า, หัวเราะและพูดได้ยาก, ปวดหู ปวดศีรษะ, มีการหลั่งน้ำลายและน้ำตาเพิ่มขึ้น หากผู้ปกครองเห็นบุตรหลานมีอาการดังต่อไปนี้ จะต้องรีบพาลูกหลานไปสถานพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาให้ทันเวลา
ข้อมูลจาก soha