CEO บริษัทประกันดัง โดนเป่าเสียชีวิต แต่ชาวเน็ตสมน้ำหน้า เหตุผลน่าตกใจ
ชายปริศนาบุก รัวกระสุนใส่CEO เครือบริษัทประกันชื่อดัง ก่อนหนีหายลอยนวล แต่ชาวเน็ตกลับสมน้ำหน้า CEO พอเห็นเหตุผลยิ่งอึ้ง
กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักในโลกออนไลน์สหรัฐอเมริกาตอนนี้ หลังจากที่มีรายงานว่า ไบรอัน ทอมป์สัน (Brian Thompson) วัย 50 ปี ซีอีโอบริษัทดัง ถูกยิงเสียชีวิต ที่บริเวณย่านมิดทาวน์แมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก
ตามรายงานระบุว่า ไบรอัน ทอมป์สัน เป็นซีอีโอของ UnitedHealthcare บริษัทประกันสุขภาพในเครือของ UnitedHealth Group ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งเขาถูกยิงขณะกำลังเดินไปยังโรงแรมที่จัดการประชุมนักลงทุนประจำปีของบริษัท โดยตำรวจชี้ว่าเป็น "การโจมตีอย่างโจ่งแจ้งและมีเป้าหมาย"
เหตุดังกล่าวเกิดเวลาประมาณ 06:45 น. ของวันที่ 4 ธันวาคม (ตามเวลาท้องถิ่น) ทอมป์สันกำลังมุ่งหน้าไปร่วมการประชุมนักลงทุนประจำปีของบริษัท ที่โรงแรมนิวยอร์กฮิลตันมิดทาวน์ แต่คนร้ายได้ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเขาและยิงปืนใส่ โดยคลิปจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นว่า ขณะนั้นทอมป์สันอยู่ตามลำพัง ไม่มีบอดดี้การ์ด
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบทอมป์สันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทางเท้า มีบาดแผลที่บริเวณหลังและน่องด้านขวา ก่อนที่จะรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง แต่หลังจากนั้นมีการประกาศเสียชีวิตของเขาในเวลา 07:12 น.
ทั้งนี้ โจเซฟ เคนนี หัวหน้าหน่วยสืบสวนกรมตำรวจนิวยอร์ก เผยว่า มือปืนเป็นชาย สวมหน้ากากสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว-ดำ และสวมเป้สะพายหลังสีเทาใบใหญ่ที่เห็นได้ชัด เขามารอที่ด้านนอกโรงแรมประมาณ 5 นาที ก่อนทอมป์สันจะมาถึง เมื่อเห็นเหยื่อเขาก็เดินเข้าไปยิงจากทางด้านหลัง โดยไม่สนใจคนอื่นที่เดินถนนอยู่ในเวลานั้น
จากข้อมูลพบว่า คนร้ายใช้ปืนพกขนาด 9 มม. ซึ่งในระหว่างที่กำลังยิงนั้น ปืนของเขาเกิดติดขัด แต่เขาก็รีบแก้ไขและยิงต่ออย่างรวดเร็ว ซึ่งจุดนี้ทางตำรวจเชื่อว่า เขาน่าจะชำนาญในการใช้อาวุธปืน จนกระทั่งทอมป์สันล้มลง มือปืนได้วิ่งเข้าไปในซอยใกล้กับโรงแรม แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าไปในสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก
พร้อมกันนี้เจสสิก้า ทิช ผู้บัญชาการตำรวจนิวยอร์ก กล่าวว่า "หลายคนเดินผ่านคนร้ายไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรอแค่เป้าหมาย ทุกสัญญาณบ่งชี้ว่า นี่คือการโจมตีอย่างโจ่งแจ้งที่วางแผนไว้ล่วงหน้าและมีเป้าหมายชัดเจน"
ตำรวจพบคำว่า "delay (ยืดเยื้อ)" และ "depose (โยนเคสทิ้ง)" สลักอยู่บนกระสุนจริงและปลอกกระสุนที่คนร้ายใช้ยิงเหยื่อ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนว่า คำดังกล่าวมีเจตนาให้สอดคล้องกับวลีฮิตในด้านลบที่ใช้พูดเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยที่ถูกคนวิจารณ์ว่า "delay (ยืดเยื้อ) , deny (ปฏิเสธการจ่ายสินไหม) , defend (แก้ตัวน้ำขุ่นๆ)" หรือไม่
ขณะที่เจ้าหน้าที่พบโทรศัพท์และขวดน้ำที่คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้าย ถูกทำหล่นไว้ในซอยที่ใช้หลบหนี นอกจากนี้ยังมีภาพจากคลิปวิดีโอในร้าน Starbucks ที่อยู่ใกล้เคียงแสดงให้เห็นว่า คนร้ายได้เข้าไปซื้อน้ำและธัญพืชอัดแท่ง ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่นาที
มือปืนยังคงหลบหนีอยู่ แต่ทางตำรวจไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคนร้ายอาจทิ้งเบาะแสสำคัญบางอย่างไว้ระหว่างหลบหนี ขณะนี้กำลังดำเนินการสืบสวน แต่หน่วยปราบปรามอาชญากรรมของตำรวจนิวยอร์กได้เผยแพร่ภาพของคนร้าย พร้อมประกาศให้รางวัลนำจับสูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์ หรือ ราวๆ 340,000 บาท
สำหรับ ไบรอัน ทอมป์สัน ทำงานที่บริษัท UnitedHealthcare ในรัฐมินนิโซตา เป็นเวลาหลายปี ก่อนที่เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ในเดือนเมษายน 2564 เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดของบริษัท ประมาณปีละ 10.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 350 ล้านบาท
UnitedHealthcare เป็นบริษัทในเครือของ UnitedHealth Group ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตามข้อมูลของ Forbes เผยว่า UnitedHealth Group มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18 ล้านล้านบาท
แอนดรูว์ วิตตี (Andrew Witty) ซีอีโอของ UnitedHealth Group ได้กล่าวอาลัยถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ ระบุว่า "ไม่มีคำใดที่จะบรรยายความรู้สึกที่พวกเราหลายคนรู้สึกได้ในตอนนี้ มันเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายมาก ผมรู้ว่าพวกเราตกใจและไม่อยากจะเชื่อ เราเสียใจอย่างยิ่งกับการจากไปของไบรอัน ทอมป์สัน เพื่อนและเพื่อนร่วมงานที่รักของเรา"
อีกทั้ง UnitedHealthcare Group เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ผู้ประท้วงกล่าวหาว่าบริษัทประกันปฏิเสธการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอย่างเป็นระบบ โดยข้อมูลจากรายงานคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า "อัตราการปฏิเสธค่าสินไหมทดแทนหลังการรักษาของ UnitedHealthcare พุ่งสูงจาก 10.9 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2563 เป็น 22.7 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565"
โดยทอมป์สันเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของ UnitedHealthcare ในปี 2564 จึงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยในสหรัฐฯ ไม่พอใจในตัวเขา แม้กระทั่งเมื่อเขาเสียชีวิต บนโซเชียลมีเดียก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งปาดเลือดแค้น เข้าไปกระหน่ำคอมเมนต์ทำนองว่า
"เมื่อซีอีโอของบริษัทประกันเข้าโรงพยาบาล จะโดนปฏิเสธจ่ายสินไหมด้วยหรือไม่" บ้างก็บอกว่า "ทางบริษัทประกันจะส่งบิลค่ารักษาไปเก็บกับครอบครัวเขาหรือเปล่า" บ้างก็บอกว่า "ทางห้องฉุกเฉินต้องรอยืนยันว่าประกันของเขาครอบคลุม ก่อนที่จะรับทำการรักษาหรือเปล่า"
ทั้งนี้ยังมีคอมเมนต์ที่ว่า "การส่งเขาเข้าห้องฉุกเฉินถือเป็นเคสฉุกเฉินหรือเปล่า ? เพราะตามนโยบายบริษัท ตอนที่สามีของฉันหัวใจวายแล้วต้องเข้าโรงพยาบาล ประกันบริษัทนี้บอกว่าไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน และเราต้องควักเงินจ่ายกันเอง"
บ้างก็บอกว่า "โรงพยาบาลที่เขาเข้าทำการรักษา ถือเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือที่ประกันครอบคลุมหรือเปล่า เขาจำเป็นต้องเข้า ER ไหมนะ ทำไมไม่ไปหาหมอที่คลินิกก่อน"
ยังมีคอมเมนต์ที่ว่า "ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่มีเนื้อร้ายและไม่สามารถทำการผ่าตัดรักษาได้ เพราะผมต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาเพิ่มเอง 11,000 ดอลลาร์ ก่อนที่หมอจะทำการรักษา ผมขอพูดแบบนี้แล้วกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะโค่นคนรวย"
อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าทอมป์สันมีส่วนเป็นสาเหตุในการร้องเรียนที่เกิดขึ้น และตำรวจยังไม่สามารถเชื่อมโยงการเสียชีวิตของเขากับประเด็นนี้ได้