นี่ไม่ใช่นม แต่หมอต้องดูดออกจากปอดคนไข้วันละ 1 ลิตร

ใครเห็นก็นึกว่านม แต่นี่คือหนึ่งในโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้คน ที่ต้องดูดออกจากปอดคนไข้วันละ 1 ลิตร
กำลังเป็นภาพไวรัลที่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจอย่างมาก หลังจากที่ ซูอี่เฟิง แพทย์คนดังในไต้หวัน ได้เปิดเผยเคสเตือนใจถึงหนึ่งในโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของผู้คนในไต้หวัน นั่นคือโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ที่คร่าชีวิตคนที่ไต้หวันมากกว่า 5,000 คนในทุกๆ ปี พร้อมเปิดภาพกระบอกที่มีของเหลวสีขาวขุ่นเหมือนนมอยู่ภายใน
โดย ซูอี่เฟิง ชี้ว่าที่เห็นอยู่นี้ไม่ใช่นม แต่คือเสมหะที่ดูดออกมาจากคนไข้ในปริมาณ 1 ลิตร ที่ดูดออกมาจากผู้ป่วยชาย ซึ่งเข้ารักษาตัวและใส่ท่อช่วยหายใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้อาการของโรคจะทรงตัว แต่ในตอนนั้นหากแพทย์ไม่ตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ คนไข้คงเสียชีวิตไปแล้ว
แพทย์คนดัง อธิบายอีกว่า สำหรับคนไข้รายนี้ เป็นชายสูงวัย น้ำหนักเพียง 40 กิโลกรัม เขาป่วยเป็นโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง ร่วมกับโรคหลอดลมโป่งพอง และโรคปอดอักเสบ โดยหลังจากใส่ท่อช่วยหายใจแล้ว แพทย์ยังคงต้องดูดเสมหะสีขาวแบบนี้จากผู้ป่วยทุกวัน วันละ 2 ขวดปอด ซึ่งบางครั้งแพทย์ฉุกเฉินก็จำต้องใช้วิธีที่เรียบง่ายมาช่วยชีวิตคนไข้
และเมื่อถามว่าเหตุใดผู้ป่วยจึงมีเสมหะมากขนาดนี้ เป็นเพราะโรคของผู้ป่วยทำให้เขามีเสมหะมากขึ้น ผู้ป่วยบางคนอาจมีเสมหะวันละเป็นร้อยลิตรได้ จนไปทำให้หลอดลมอุดตัน ปอดเสียความสามารถในการระบายอากาศ ทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนสาเหตุที่จำเป็นต้องมีการดูดเสมหะในคนไข้รายนี้ สืบเนื่องจากคนไข้อยู่ในสภาพนอนป่วยติดเตียง ไม่มีแรงพอจะไอเอาเอสมหะของตัวเองออกมา
ข้อมูลจาก Sinchew
ภาพจาก 蘇一峰

ราชกิจจาฯ ประกาศ แต่งตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำนวน 14 ราย

"หมอดัง" เตือน ยาคู่ยอดฮิตหายปวดแต่ไตพัง กินผิดชีวิตเปลี่ยน

"ทนายดัง" เคลียร์ชัด ใครถูกผิด ปมเดือดกระบะ vs บีเอ็มป้ายแดง

แม่ดีใจ เจอแล้ว "น้องแบม" สาวน้อย 15 เปิดใจถึงสาเหตุ หนีออกจากบ้าน
