"นายร้อยปอยเปต" ตำรวจเก๊แก๊งคอลฯ ยังยิ้มร่า ถูกคุมฝากขัง เห็นสื่อรีบตีขรึม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ควบคุมตัว นายธนาวุฒิ กันยาพันธ์ อายุ 28 ปี หนึ่งในสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ฉายา "นายร้อยปอยเปต" ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, หลอกลวงโดยนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, สมคบและร่วมกันฟอกเงิน" ส่งฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้

 

 

 

ระหว่างถูกนำตัวออกจากห้องคุมขัง นายธนาวุฒิยังคงปรากฏสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงอาการวิตกกังวลแม้แต่น้อย จนกระทั่งพบผู้สื่อข่าวรอบริเวณหน้าอาคารจึงปรับสีหน้าเป็นเงียบขรึม ก่อนตอบสั้นๆ เมื่อถูกถามว่ามีอะไรอยากฝากถึงผู้เสียหายหรือไม่ว่า "ขอโทษ" จากนั้นจึงก้มหน้าเดินขึ้นรถทันที

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจสอบสวนกลางสามารถจับกุม 2 สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์สำคัญ ได้แก่:

นายรามิล (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดี "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น" จับกุมได้ที่ ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว

นายธนาวุฒิ กันยาพันธ์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ คดี "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, หลอกลวงทางคอมพิวเตอร์, สมคบและร่วมกันฟอกเงิน" จับกุมได้ที่บ้านพักใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

 

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอม โดยแต่งกายคล้ายตำรวจจริงและใช้วิดีโอคอลหลอกลวงเหยื่อ อ้างว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด เพื่อบีบให้โอนเงินมาตรวจสอบ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท

ขบวนการนี้แบ่งหน้าที่ชัดเจน โดยนายธนาวุฒิมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเหยื่อผ่านวิดีโอคอล เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะมี "สาย 3" ทำหน้าที่ปิดดีล หลอกให้โอนเงิน โดยมีทั้งคนไทยและชาวจีนอยู่เบื้องหลังวางแผน สร้างสคริปต์ให้การแสดงสมจริง หากผู้ต้องหาไม่ทำตามคำสั่งจะถูกลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกาย

แม้เผชิญข้อหาอุกฉกรรจ์ แต่นายธนาวุฒิกลับแสดงท่าทีไม่สะทกสะท้าน ยังยิ้มแม้คดีจะหนักหนาเพียงใด