ล้างบางแก๊งแฮกเกอร์ข้ามชาติ รวบ 4 โจรไซเบอร์ สูบเงินมหาศาล หนีซุกไทย

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจไซเบอร์ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการ "PHOBOS" เพื่อกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติ โดยสามารถจับกุม 4 แฮกเกอร์ชาวต่างชาติที่ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตีองค์กรทั่วโลก ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 560 ล้านบาท

 

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในจังหวัดภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหาชาวยุโรป 4 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 40 รายการ ซึ่งรวมถึงโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก และกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา "สมคบคิดเพื่อการกระทำความผิดทางกฎหมายต่อประเทศสหรัฐอเมริกา" และ "สมคบคิดเพื่อกระทำการฉ้อโกงทางสายสื่อสาร"

ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นจากการประสานงานระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเทศไทย กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกาและสมาพันธรัฐสวิส เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ "Phobos" โจมตีบริษัทในสวิตเซอร์แลนด์กว่า 17 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2566 - 26 ตุลาคม 2567

วิธีการคือ กลุ่มผู้ต้องหาทำการแทรกซึมเครือข่ายของเหยื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นเข้าถึงและทำสำเนาข้อมูลสำคัญ ก่อนจะเข้ารหัสไฟล์ด้วยมัลแวร์ Phobos แล้วทิ้งไฟล์เรียกค่าไถ่ไว้ในระบบของเหยื่อ พร้อมเรียกร้องให้จ่ายเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลเพื่อแลกกับกุญแจถอดรหัส หากเหยื่อปฏิเสธ กลุ่มแฮกเกอร์จะใช้วิธีข่มขู่เพิ่มเติมผ่านอีเมลหรือโทรศัพท์ รวมถึงขู่ขายหรือเปิดเผยข้อมูลของเหยื่อ

 

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ต้องหายังใช้บริการ "Ming-Service" เพื่อทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล โดยมีเป้าหมายปิดบังร่องรอยและขัดขวางการติดตามธุรกรรมบนบล็อกเชน ส่งผลให้มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 560 ล้านบาท

ตำรวจไทยร่วมมือสากล เร่งขยายผล

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ เปิดเผยว่าหลังจากได้รับการร้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้เร่งสืบสวนจนสามารถระบุตำแหน่งที่พักของกลุ่มผู้ต้องหาในจังหวัดภูเก็ต และดำเนินการจับกุมสำเร็จ การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ระดับโลก และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการขยายผลเพิ่มเติมเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีต่อไป

ตำรวจไซเบอร์ขอเตือนให้ภาคธุรกิจและประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ พร้อมแนะนำให้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางเทคโนโลยีในอนาคต