สาวอัพเดตอาการล่าสุด หลังแพ้ยาแก้ปวด ไม่เอาผิดคลินิก เข้าใจเกิดขึ้นได้

จากกรณีที่ เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict มีการโพสต์ข้อความว่า ลูกเพจฝากเตือนภัย เรื่องการแพ้ยา ซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่เล่าเรื่องราวการเฉียดตายจากการแพ้ยาอย่างรุนแรง เพียงกินยาที่มีสรรพคุณแก้ปวด ลดไข้ แก้อักเสบ ไป 1 เม็ด แต่กลับแพ้จนร่างกายมีแผลพุพองตามตัว จนต้องนอนห้องไอซียูนานกว่า 3 เดือน
 

 

ขณะที่ทางเพจอธิบายเพิ่มเติมว่า "ไม่ระบุชื่อยี่ห้อยานะครับ เพราะอาการแพ้ยารุนแรงแบบนี้สามารถเกิดกับยาได้แทบทุกตัว อยู่ที่ว่าจะโชคร้ายไปมีอาการตอนใช้ยาตัวไหนเข้า แต่ถ้ามีอาการสงสัยว่าจะแพ้ยา ต้องรีบหาหมอให้ไวเลย เพราะถ้าแพ้ยารุนแรงอาจถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้" 

ด้าน สาวคนดังกล่าวได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2567 เธอมีไข้สูงกว่า 40 องศาฯ จึงไปซื้อยาที่คลินิกแถวบ้าน ในจังหวัดเชียงราย และทางคลินิกได้จ่ายยาทรงกลม สีชมพูเข้ม ใช้แก้ปวด ลดไข้ และลดการอักเสบ ซึ่งหมอบอกว่า ยาตัวนี้ช่วยลดไข้หนักๆ ได้ แต่หลังกิน 1 เม็ด ตื่นขึ้นก็มีอาการปากบวม ระคายเคืองที่ตา และมีตุ่มแดงขึ้นตามผิวหนังอย่างหนัก ตอนแรกคิดว่าเป็นอีสุกอีใส แต่พอไปพบหมอที่โรงพยาบาลจึงรู้ว่าแพ้ยารุนแรง หรือป่วยด้วยภาวะโรคสตีเว่น จอนสัน ซินโดรม 

 

นอกจากนี้ สาวคนดังกล่าว ยังได้อัพเดตอาการล่าสุดของตนเองอีกด้วยว่า ส่วนอาการตอนนี้ดีขึ้น ยกเว้นการมองเห็นเพราะกระจกตาเป็นแผล ยังต้องรักษาต่อเนื่อง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอไม่ติดใจเอาความกับคลินิก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

 

 

สำหรับ โรคสตีเว่น จอนสัน ซินโดรม (Stevens-Johnson Syndrome, SJS) เป็นภาวะที่รุนแรงและหายากของผิวหนังและเยื่อบุที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรง มักเกิดขึ้นจากการใช้ยาบางชนิดหรือการติดเชื้อบางประเภท สภาพนี้สามารถทำให้เกิดแผลและผิวหนังลอกออก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเยื่อบุในอวัยวะต่างๆ เช่น ตา, ปาก, หรืออวัยวะเพศ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว

 

สาเหตุที่พบบ่อย

• ยาบางประเภท เช่น ยาปฏิชีวนะ (เช่น พอนซิลิน), ยาต้านไวรัส (เช่น อัลโลวูดีน), ยาต้านชัก (เช่น ฟีนิโทอิน), และยาอื่นๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการนี้
• การติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือเริม
• การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ที่เกิดจากภาวะภูมิแพ้

 

อาการที่พบ

• แผลในปากและลำคอ
• ผิวหนังลอกออกหรือเป็นผื่นที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
• มีไข้ หนาวสั่น และอ่อนเพลีย
• อาจมีอาการตาบวม, ตาแดง หรือแผลในตา

 

การรักษา

• การหยุดใช้ยาที่เป็นสาเหตุของอาการ
• การรักษาในโรงพยาบาลเพื่อให้การดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม เช่น การให้น้ำเกลือ, ยาลดการอักเสบ, การให้ยาปฏิชีวนะ และการดูแลบาดแผล
• การดูแลทางตาและป้องกันการติดเชื้อที่เกิดขึ้น
• โรคนี้เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว และหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดผลกระทบรุนแรง เช่น การติดเชื้อที่ผิวหนัง , การเสียชีวิต , หรือการสูญเสียการมองเห็น

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Drama-addict
ข้อมูลเพิ่มเติมรวบรวมจาก AI ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจาก กองบก.ไทยนิวส์