ข่าว

heading-ข่าว

บุกทลาย "แก๊งฟอกเงินมังกรเทา" พบถอนเงินสด 2,900 ล้าน

18 ก.พ. 2568 | 15:05 น.
บุกทลาย "แก๊งฟอกเงินมังกรเทา" พบถอนเงินสด 2,900 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกทลาย "แก๊งฟอกเงินมังกรเทา" จับกุมผู้ต้องหา 10 ราย พบถอนเงินสดจากการหลอกเหยื่อกว่า 2,900 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา พบถอนเงินสดจากการหลอกเหยื่อกว่า 2,900 ล้านบาท

 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม/ตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท.,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ, ว่าที่ พ.ต.ชัยเวง พาด้วง, ว่าที่ พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งกำจัด, ว่าที่ พ.ต.วชิรเชษฐ์ รธีระพงศ์, พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.กก.2 บก.ปอท.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับ กก.1 บก.ปอท., บก.ป.บก.ปคม., บก.ปคม, บก.ปอศ. และ บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ดังนี้

บุกทลาย แก๊งฟอกเงินมังกรเทา พบถอนเงินสด 2,900 ล้าน

1.) น.ส.อัจฉราฯ อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 825/2568 ลง 7 ก.พ. 256 จับกุม คอนโดแห่งหนึ่งย่านสุทธิสาร แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

 

2.) MR.GAO อายุ 35 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 829/2568 ลง7 ก.พ. 2568 สถานที่จับกุม คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

 

3.) MR.XIONG อายุ 30 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 839/2568 ลง 7 ก.พ.2568 สถานที่จับกุม คอนโดย่านพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

 

4.) MRMAO อายุ 46 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 834/2568 ลง 7 ก.พ.2568 สถานที่จับกุม ห้องพักแห่งหนึ่งย่านไนท์ซาฟารี ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่

 

5.) MRS.ZHOU อายุ 44 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 827/2568 ลง 7 ก.พ.2568 สถานที่จับกุม หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

6.) น.ส.พรทิพย์ฯ อายุ 44 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 817/2568 ลง 7 ก.พ. 2568 สถานที่ จับกุม บ้านแห่งหนึ่ง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

 

7.) นายนพวิทย์ฯ อายุ 31 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 814/2568 ลง 7 ก.พ. 2568 สถานที่ จับกุม บ้านแห่งหนึ่ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว

 

8.) นายชลธีฯ อายุ 21 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 812/2568 ลง 7 ก.พ. 2568 สถานที่จับกุม หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

 

9.) น.ส.ปัณฑารีย์ฯ อายุ 26 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 813/2568 ลง 7 ก.พ.2568 สถานที่ จับกุม บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

 

10.) น.ส.สุภาวดีฯ อายุ 39 ปี บุคคลตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 810/2568 ลง 7ก.พ. 2568 สถานที่ จับกุม หน้าบ้านแห่งหนึ่งใน อ.ลาดใหญ่ จ.สมุทรสงคราม

บุกทลาย แก๊งฟอกเงินมังกรเทา พบถอนเงินสด 2,900 ล้าน

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน , ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่"

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการในการหลอกลวงเหยื่อมาโดยตลอด โดยส่วนใหญ่จะอาศัยพฤติกรรมของเหยื่อในการใช้สื่อโซเซียลมีเดีย เช่น การซื้อขายของออนไลน์ การเช่าที่พัก รวมไปถึงการหางานหรือรายได้พิเศษ ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามิจฉาชพได้เลือกใช้กลวิธีในการหลอกลวงเหยื่อในรูปแบบของการหางาน หรือหารายได้พิเศษทางช่องทางออนไลน์ อาศัยการทำงานที่ง่ายและได้เงินได้ทันที ทำให้เหยื่อเกิดความหลงเชื่อ สนใจเข้าร่วมทำงาน ก่อนจะหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ

 

โดยเมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ได้มีผู้เสียหายซึ่งต้องการหางานทำเพื่อหารายได้พิเศษได้พบโพสต์ประกาศหางานในสือโชเชียลมีเดีย ประกาศว่าเป็นการทำงานพิเศษเสริมรายได้โดยเป็นการรับสินค้าไปแพ็กที่บ้าน ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อพูดคุย โดยในช่วงแรกคนร้ายได้ชักชวนให้ทำงานพิเศษในรูปแบบออนไลน์ โดยเป็นงานกดไลค์ กดเพิ่มยอดติดตามต่างๆ เมื่อผู้เสียหายได้ทดลองทำงานดังกล่าวปรากฎว่าได้รับเงินจากการทำงานจริงเป็นจำนวนหลายครั้ง จากนั้นคนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ โดยกิจกรรมดังกล่าวผู้เสียหายจะต้องนำเงินมาลงทุนก่อน จากนั้นจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการทำงานตามเงินลงทุนที่ลงทุนไป โดยมีผลตอบแทนประมาณ 30%-50% ภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้นำเงินไปร่วมลงทุนโดยในช่วงแรกมีการให้ผลตอบแทนในการลงทุนจริง จากนั้นคนร้ายได้มีการหลอกลวงให้ผู้เสียหายนำเงินไปลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

จนกระทั่งภายหลังผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ โดยคนร้ายให้เหตุผลว่าเป็นความผิดของผู้เสียหาย อ้างว่าไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด ภายหลังผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

บุกทลาย แก๊งฟอกเงินมังกรเทา พบถอนเงินสด 2,900 ล้าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้ดำเนินการสืบสวน โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการ มีผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยขบวนการดังกล่าวมีการยักย้ายถ่ายเงินที่ได้จากการทำความผิดแปลงเป็นทรัพย์สินดิจิทัล จากนั้นมีการยักย้ายถ่ายเทไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลหลายทอด จนกระทั่งโอนเข้ากลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน ซึ่งทำหน้าที่แลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล เป็นเงินสด เพื่อนำส่งนำส่งให้ภายในประเทศไทย โดยจากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันอีกประมาณ 60 ราย มูลความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

 

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญา โดยออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 32 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้าคนไทย จำนวน 10 ราย, กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน จำนวน 2 ราย, กลุ่มขบวนการที่มีการฟอกเงิน จำนวน 20 ราย (ชาวไทย 1 ราย, ชาวจีน 14 ราย , ชาวเกาหลี 5 ราย)

 

ต่อมาในห้วงวันที่ 11-14 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. จึงได้สนธิกำลัง ร่วมด้วย บก.ปก.ป.,บก.ปคบ., บก.ปคม., บก.ทล. และ บก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการ "ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา" โดยเข้าทำการตรวจค้น/จับกุม กลุ่มผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดดังกล่าว เข้าตรวจค้นจำนวน 20 จุด 8 จังหวัด ทั่วประเทศไทยโดยแบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 7 จุด, จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 5 จุด,จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 3 จุด, จังหวัดสระแก้ว จำนวน 1 จุด ,จังหวัดปราจีนบุรีจำนวน 1 จุด, จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 1 จุด จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 1 จุด และจังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 1 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 ราย ได้แก่ สมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้าที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 5 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชี, รถยนต์ /รถจักรยานยนต์, เงินสุด. โฉนดที่ดินบ้าน/คอนโด และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

 

นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้ทำการฟอกเงินซื้อทรัพอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นบ้านหรูและคอนโดหรู ทรัพย์สินมีค่า อาทิเช่น นาฬิกาหรู กระเป้าแบรนด์เนม เครื่องประดับมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 440 ล้านบาท

บุกทลาย แก๊งฟอกเงินมังกรเทา พบถอนเงินสด 2,900 ล้าน

จากการการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาลำดับที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการฟอกเงินในประเทศไทย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับในข้อเท็จจริงว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปี พเศ.2562 ตนเคยทำหน้าที่เป็นล่ามและไกด์พาเที่ยวให้กับชาวจีน ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2566 ผู้ต้องหาได้รู้จักกับแฟนหนุ่มชาวจีนและร่วมกันรับเหรียญดิจิทัลจากลูกค้ากลุ่มจีนเทาต่างๆ ที่ต้องการใช้เงินในประเทศไทย จากนั้นได้นำเหรียญดิจิทัลมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยนำส่งให้กับกลุ่มจีนเทาตามคำสั่ง โดยจะได้ค่าบริการ 0.03% - 0.05% ของยอดการทำงานแต่ละครั้งแฟนหนุ่มของผู้ต้องหาที่ 1 จะติดต่อกับกลุ่มจีนเทาต่างๆ จากนั้นผู้ต้องหาที่จะรับเหรียญดิจิทัลมาจากลูกค้าแล้วนำเหรียญดิจิทัลมาขายออกในรูปแบบ p2p ผ่านแพลตฟอร์มโดยผู้ต้องหาจะส่งเงินตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา ซึ่งในกรณีถ้ายอดเงินมีจำนวนไม่มาก ผู้ต้องหาที่ 1 และกลุ่มคนจีนจะใช้วิธีการโอนเงินผ่านบัญชีของตนเองไปให้กับลูกค้า แต่หากในกรณีเงินที่ต้องส่งให้กับลูกค้า

 

ผู้ต้องหาที่ 1 จะเบิกเงินสดแล้วนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสถานที่นัดหมายหรือนำเงินสดฝากเข้าบัญชีทั้งของกลุ่มจีนเทา เนื่องจากลุ่มจีนเทามีความต้องการเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปใช้จ่ายใน โดยผู้ต้องหาที่ 1 และแฟนหนุ่มชาวจีน ได้ร่วมกันกับพวกฟอกเงินให้กับกลุ่มจีนเทามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ถึงปัจจุบัน

 

การตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งพบว่ามีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT จำนวนประมาณ 187 ล้าน  (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท) มีการถอนเงินสดเป็นเงินไทยประมาณ 2,900 ล้าน เงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและดำเนินคดีคามกฎหมายต่อไป

 

ในส่วนของผู้ต้องหาลำดับที่ 2-5 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชาวจีน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับในข้อเท็จจริง รับเพื่อในว่ามีส่วมกันกันผู้ต้องหาที่ 1 และกลุ่นคนจีน อื่นๆ มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ในการรับเหรียญดิจิตอลมาจากกลุ่มจีนเทามาเทขายเหรียญก่อนที่จะนำเงินสดไปส่งมอบให้กับลูกค้าชาวจีนตามจุดนัดหมายต่างๆ

 

โดยในคดีนี้นอกจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบความเกี่ยวข้องของเส้นทางการเงินที่มีการไปซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังพบว่าขบวนการนี้มีพฤติการณ์ในการก่อตั้งบริษัทที่ให้คนไทยมาเป็นนอมินีในการจัดตั้งเพื่อรับโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์จะเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนจีน ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อโอนกรรมสิทธิ์บ้านเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระว่างการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจยึดอสังหาริมทรัพย์และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

 

ตำรวจสอบสวนกลาง CIB แจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการลงทุนทุกครั้ง อย่ารีบตัดสินใจลงทุนหรือหลงเชือบคคลอื่นที่ชักชวนโดยง่าย เพราะปัจจุบันมิจฉาชีพมักแอบอ้างข้อมูลที่ปลอมขึ้นมาเองทั้งหมดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกฯคนที่ 14 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุ 97 ปี

ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกฯคนที่ 14 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุ 97 ปี

อาชีพล่าสุด "เชฟอ้อย" จากเชฟชื่อดัง ลุยอีกครั้งกับธุรกิจใหม่

อาชีพล่าสุด "เชฟอ้อย" จากเชฟชื่อดัง ลุยอีกครั้งกับธุรกิจใหม่

สาวร้องเพจดัง ถูกหนุ่มปล่อยคลิปลับลงโซเชียล แถมขู่ประจานกับพ่อแม่

สาวร้องเพจดัง ถูกหนุ่มปล่อยคลิปลับลงโซเชียล แถมขู่ประจานกับพ่อแม่

สถิติหวยลาว หวยลาวออกวันจันทร์ ผลหวยลาว หวยลาวพัฒนา หวยลาว 24/02/68

สถิติหวยลาว หวยลาวออกวันจันทร์ ผลหวยลาว หวยลาวพัฒนา หวยลาว 24/02/68

ช้ำหนัก หนุ่มรับเหมา ยกเลิกเงินรางวัลตามหาเมีย 2 หมื่น หลังรู้ความจริง

ช้ำหนัก หนุ่มรับเหมา ยกเลิกเงินรางวัลตามหาเมีย 2 หมื่น หลังรู้ความจริง