ชื่อจริง "น้องมีบุญ" เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนารามตั้งให้ ความหมายดีมาก

เรื่องราวของ "น้องมีบุญ" ยังคงเป็นที่สนใจอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พ่อแม่วัย 19 ปีได้นำทารกแรกเกิดมาทิ้งไว้ที่ซุ้มประตูหน้าวัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา โดยหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่วัดได้ประกาศตามหาพ่อแม่ของเด็ก พร้อมทั้งเจ้าอาวาสวัดสมานรัตนารามได้แสดงความตั้งใจรับเป็นพ่ออุปถัมภ์ให้กับเด็ก พร้อมตั้งชื่อว่า "น้องมีบุญ" และเปิดช่องทางให้พ่อแม่เด็กติดต่อมา หากคิดได้และสำนึกผิด

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวพ่อแม่ของเด็กได้ในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งคู่มีอายุ 19 ปี และใช้รถกระบะ 4 ประตู สีขาวในการพาทารกไปทิ้งที่วัดสมานรัตนาราม ขณะที่แม่ของเด็กยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดแผลฉีกขาด ส่วนพ่อของเด็กถูกควบคุมตัวและเตรียมถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

พ่อของ "น้องมีบุญ" เปิดเผยว่า หลังจากนำลูกไปทิ้งได้พูดคุยกับภรรยาว่าสงสารลูกแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าวตนยังไม่ได้บอกผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย และเมื่อบ้านทราบข่าวก็ได้โทรศัพท์มาและขอโทษสังคมที่ทำเช่นนั้น พร้อมยืนยันว่าจะรับลูกไปเลี้ยงดูเอง

 

ด้าน พระราชวชิรประชานาถ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และเจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ได้กล่าวว่า "น้องมีบุญ" ขณะนี้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา และยังคงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธโสธร คาดว่าจะออกจากโรงพยาบาลในอีก 2-3 วันข้างหน้า

 

ในขณะที่ตาและยายของเด็กได้เดินทางมาที่วัดและแสดงความจำนงที่จะรับหลานกลับไปดูแล โดยเจ้าอาวาสได้ตกลงให้ตายายเป็นผู้ปกครองร่วมกับพ่อแม่ของเด็ก และได้ให้คำแนะนำตายายว่า หากไม่สามารถดูแลหลานได้เต็มที่ ให้ติดต่อเจ้าอาวาสเพื่อขอความช่วยเหลือ

 

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพ่อแม่ของ "น้องมีบุญ" จะถูกไล่ออกจากงาน เจ้าอาวาสได้ขอให้สังคมและนายจ้างให้โอกาสพ่อแม่เด็กอีกครั้ง โดยมองว่า พ่อแม่ยังมีความรับผิดชอบ และขอให้เข้าใจสถานการณ์ที่อาจทำให้พวกเขาตัดสินใจผิดพลาด

 

เจ้าอาวาสได้ตั้งชื่อให้เด็กว่า "ด.ช.พชร สีหล้า" ซึ่ง "พชร" แปลว่า "เพชร" และได้มอบหมายให้ตาของเด็กไปแจ้งชื่อที่อำเภอต่อไป

 

ในส่วนของคดีความ ร.ต.ท.ณวัฐปกรณ์ คุณัชญาศิรัณ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า พ่อของเด็กถูกตั้งข้อหา "ทอดทิ้งเด็ก" ตามมาตรา 310 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหลังจากที่แม่เด็กออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน

 

 

ภาพจาก สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา