ข่าว

heading-ข่าว

ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

27 ก.พ. 2568 | 13:46 น.
ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

ปิดฉาก “ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K4” แชร์ลูกโซ่ กองปราบฯ ทลายขบวนการฉ้อโกงการลงทุนผ่านตู้เติมเงิน เคธี่ปันสุข K4 พร้อมจับกุม 2 ผู้ต้องหา ยึดของกลางมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เผยพฤติการณ์หลอกลวงให้ร่วมลงทุน ผลตอบแทนสูงถึง 219% ต่อปี

หลอกลงทุนซิมมือถือ-ตู้เติมเงิน ตร.ทลายเครือข่าย “เคธี่ปันสุข” เปิดโปงขบวนการฉ้อโกงประชาชน แฝงธุรกิจซิมการ์ดและตู้เติมเงิน หลอกลวงให้ประชาชนร่วมลงทุน ก่อนเชิดเงินหนี มูลค่าความเสียหายทะลุ 400 ล้านบาท! 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม

1. นางสาวเริงฤดีฯ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1283/2568 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568
2.นางสาวพรพิมลฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1286/2568 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568

ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 50 ล้านบาท
โดยมีทรัพย์สินที่ตรวจยึดที่น่าสนใจดังนี้

​1.รถยนต์ จำนวน​ 11 คัน
​- รถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น อัลพาร์ด ​จำนวน 2 คัน
​- รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู ​​จำนวน 6 คัน
- รถยนต์ยี่ห้อซูซุกิ​ จำนวน 1 คัน
​- รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อฮาวาล​​​จำนวน 1 คัน
​- รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อเนตะ ​​​จำนวน 1 คัน
​2.ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข​ จำนวน 258 ตู้ ​​
​3.กระเป๋าแบรนด์เนม​ จำนวน 4 ใบ ​​
​4.เครื่องประดับ​​ จำนวน 28 รายการ ​
​5.ที่ดินในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จำนวน 4 แปลง​​
​6.สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 20 เล่ม
​7.สมุดเช็ค​​ จำนวน 14 เล่ม
​8.คอมพิวเตอร์/โน๊ตบุ๊ค​ จำนวน 20 เครื่อง
​9.โทรศัพท์มือถือ​ จำนวน 16 เครื่อง
​10.เอกสารต่างๆ​​ จำนวน 42 รายการ
​11.เงินสด  ​จำนวน 150,000  บาท

ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

เพื่อดำเนินคดีในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” พฤติการณ์ สืบเนื่องเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ผู้เสียหายจำนวน 61 ราย ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีกับบริษัท ปันสุข555 จำกัด และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ซึ่งมีนางสาวเริงฤดีฯ และนางสาวพรพิมลฯ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

มีพฤติกรรมชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนธุรกิจซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในนามซิมการ์ดโทรศัพท์ระบบเติมเงิน ชื่อ “Sim K4” และตู้เติมเงินชื่อ “ตู้เคธี่ปันสุข” ให้บริการเติมเงินโทรศัพท์ เติมเงินวอลเล็ต ชำระบิลค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า โดยเสนอแพ็คเกจ เมื่อลงทุน 50,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายในระยะเวลา 500 วัน คิดเป็นร้อยละ 219 ต่อปี และมีการขยายศูนย์ตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อจัดการอบรมสัมมนาชักชวน ซึ่งหากสมาชิกสามารถแนะนำชักชวนดีลเลอร์หรือสมาชิกใหม่จะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึงร้อยละ 50 ของค่าสมัคร

ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

โดยผู้ที่สนใจลงทุนต้องสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ https://kathyrobot.punsook555.co.th และมีรูปแบบการโอนเงินลงทุนผ่านระบบคิวอาร์โค้ด ซึ่งในช่วงแรกผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจริง ทำให้มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ต่อมาช่วงเดือนตุลาคม 2567 สมาชิกเริ่มไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน จึงได้พยายามติดตามทวงถาม แต่ผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา มูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวน 27,557,701 บาท  

จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงเกินกว่าที่สถาบันการเงินตามกฎหมายพึงจะจ่ายได้ อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขนั้น เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจระบบชำระเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาใช้วิธีรับเงินลงทุนและจ่ายผลตอบแทนผ่านระบบเพย์เมนต์เกตเวย์ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทผู้ต้องหากว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่านางสาวเริงฤดีฯ มีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

ต่อมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และบริษัท ปันสุข555 จำกัด ในฐานะนิติบุคคล พร้อมทั้งนางสาวเริงฤดีฯ และนางสาวพรพิมลฯ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

จนกระทั่งวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้เปิดปฏิบัติการ “ตัดวงจรแชร์ลูกโซ่ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K4” ทำการตรวจค้นจำนวน 4 จุด ในพื้นที่ เขตคันนายาวและเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยบ้านพักอาศัยของผู้ต้องหาและสถานที่ทำการของบริษัท พบว่าบริษัทผู้ต้องหามีพนักงานประมาณ 15 คน มีห้องจัดสัมมนาสำหรับชักชวนผู้ลงทุน โดยที่บริษัทมีการสต๊อคตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในการจูงใจให้มีการลงทุน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการทดสอบเบื้องต้นพบว่าไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่โฆษณา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดพยานเอกสารซึ่งใช้เป็นหลักฐานประกอบการสอบสวน และตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ จากผู้ต้องหารวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท พร้อมทั้งจับกุมนางสาวเริงฤดีฯ และนางสาวพรพิมลฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดี
ตามกฎหมายต่อไป

ทนายสิ้น "ตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข K" ล่าสุดโดนรวบ ยึดทรัพย์ 50ล้าน

จากการสอบถามผู้ต้องหา ทั้งสองรายให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน ให้ใช้ความระมัดระวัง และสังเกตกลโกงจากข้อเสนอการลงทุนที่มีลักษณะผลตอบแทนสูงเกินกว่าความเป็นจริง, รับประกันผลตอบแทน, เร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุน หรือดึงดูดใจด้วยสินทรัพย์ใหม่ ๆ  โดยเฉพาะบุคคลที่มาชักชวนให้ร่วมลงทุนหรืออ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทฯ เนื่องจากอาจเป็นกลลวงของกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลงทุน ที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินได้

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

นางเอกดัง "เบลล่า ราณี"  สุดเศร้า สูญเสียคุณยายอันเป็นที่รัก

นางเอกดัง "เบลล่า ราณี" สุดเศร้า สูญเสียคุณยายอันเป็นที่รัก

"เบิร์ด เทคนิค" สูญเสียครั้งใหญ่ สุดเศร้าโลกนี้ช่างใจร้ายกับผม

"เบิร์ด เทคนิค" สูญเสียครั้งใหญ่ สุดเศร้าโลกนี้ช่างใจร้ายกับผม

ข่าวดี รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึงสิ้นเดือนนี้

ข่าวดี รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึงสิ้นเดือนนี้

โดนแล้ว "พีช สมิทธิพัฒน์" สารภาพ 3 ข้อหา เผยค่าปรับที่ต้องชดใช้

โดนแล้ว "พีช สมิทธิพัฒน์" สารภาพ 3 ข้อหา เผยค่าปรับที่ต้องชดใช้

รวบ 2 จิ๊กโก๋ รัวปืนกลางงานวัด บาดเจ็บ 3 ราย พบมีคดีติดตัวทั้งคู่

รวบ 2 จิ๊กโก๋ รัวปืนกลางงานวัด บาดเจ็บ 3 ราย พบมีคดีติดตัวทั้งคู่