“ต้องอึทุกวันไหม” หมอเจดเฉลยแล้ว อึแบบไหนถึงปกติ หลายคนเข้าใจผิดมานาน

“ต้องอึทุกวันไหม?” – หลายคนคิดว่าอึทุกวันคือสุขภาพดี แต่จริงๆ แล้ว ไม่อึทุกวันก็ยังปกติได้! หมอเจดไขข้อข้องใจให้อ่านกันชัด ๆ
“อึแบบไหนเรียกว่าปกติ?” – ไม่ใช่แค่ความถี่ที่สำคัญ ลักษณะของอึก็บอกสุขภาพได้! จาก Bristol Stool Chart อึที่ดีที่สุดควรเป็นก้อนนุ่ม ไม่แข็งหรือเหลวจนเกินไป ใครอยากรู้ว่าอึตัวเองปกติไหม ลองเช็กดูได้
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์ข้อความระบุว่า
เคยสงสัยกันไหมว่า “อึทุกวันถึงจะสุขภาพดีจริงหรือเปล่า?” หรือถ้าวันไหนไม่ได้อึ แปลว่าระบบย่อยอาหารเรามีปัญหา? จริงๆ แล้ว เรื่องอึมันซับซ้อนกว่าที่คิดนะ วันนี้จะมาเล่าให้ฟังนะครับ ต้องอึวันละกี่ครั้งถึงจะปกติ อึแบบไหนเรียกว่าดี และถ้าอึผิดปกติควรทำยังไง
1. เราต้องอึทุกวันไหม?
อึมันเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความสุขภาพดีเนาะ ใครไม่อึก็นอยละ คิดว่าตัวเองผิดปกติ บางคนอึทุกเช้าเหมือนเป็นกิจวัตร แต่บางคนสองวันอึที หรือบางทีสามวันกว่าจะมา อันไหนปกติ?
คำตอบคือเรา “ไม่จำเป็นต้องอึทุกวันนะ”
งานวิจัยบอกนะครับว่า ช่วงที่ถือว่าปกติคือ 3 ครั้งต่อวัน จนถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จำง่ายๆคือ “สามสาม” ถ้าคุณอึทุกวัน แปลว่าร่างกายคุณอาจเผาผลาญเร็วและย่อยดี แต่ถ้าคุณอึวันเว้นวัน หรืออึแค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็ยังถือว่าปกติ ถ้าไม่มีอาการท้องอืดหรือแน่นท้อง
แต่ต้องเริ่มกังวลเมื่อไหร่?
- ถ้าอึน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจเข้าข่าย “ท้องผูก”
- ถ้าอึบ่อยเกินวันละ 3 ครั้ง หรืออึเหลว อาจเข้าข่าย “ท้องเสีย”
2. อึแบบไหนถึงเรียกว่าขับถ่ายดี?
นอกจากดู “ความถี่” แล้ว ลักษณะของอึ ก็สำคัญ
จริงๆมันมีตาราง Bristol Stool Chart เอาไว้แบ่งประเภทอึออกเป็น 7 แบบนะ
- อึแข็งเป็นเม็ดเล็กๆ (Type 1) → ท้องผูกหนักมาก ร่างกายดูดน้ำจากอึมากไป
- อึแข็งเป็นก้อนยาว (Type 2) → ท้องผูกเล็กน้อย ควรกินไฟเบอร์เพิ่ม
- อึเป็นแท่งยาว มีรอยแตกเล็กๆ (Type 3) → ปกติ แต่ยังขาดความชุ่มชื้น
- อึเป็นแท่งเรียบ ลื่น (Type 4) → ปกติที่สุด! อึออกง่าย ไม่ต้องเบ่งเยอะ
- อึเป็นก้อนนิ่มๆ หลายชิ้น (Type 5) → เริ่มไปทางอ่อนนิ่ม กินไฟเบอร์เยอะเกินไป
- อึเป็นเนื้อเหลว (Type 6) → ท้องเสียเล็กน้อย ลำไส้เคลื่อนตัวเร็วเกินไป
- อึเป็นน้ำ ไม่มีเนื้อเลย (Type 7) → ท้องเสียหนัก อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษ
อึที่ “ดีที่สุด” ควรเป็น Type 3 หรือ 4 เพราะเป็นก้อนนุ่ม ขับถ่ายออกง่าย ไม่ต้องเบ่งเยอะ
3. อาหารส่งผลต่ออึยังไง?
อาหารที่เรากินมีผลโดยตรงกับลักษณะของอึ
- กินผักเยอะ ไฟเบอร์สูง → อึเป็นก้อนนิ่ม ขับถ่ายง่าย
- กินเนื้อเยอะ ไขมันเยอะ → อึอาจแข็งขึ้น หรือขับถ่ายน้อยลง
- กินของหวานเยอะ แอลกอฮอล์เยอะ → อึอาจเหลว หรือขับถ่ายบ่อยขึ้น
การกินส่งผลต่ออึเรามากนะครับ ดูอย่าง Carnivore Diet คือการกินแต่เนื้อสัตว์และไขมัน ไม่มีไฟเบอร์เลย เพราะฉะนั้น บางคนอึน้อยลง แต่ไม่ได้แปลว่าท้องผูก เพราะร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้หมด ทำให้มีของเสียออกมาน้อย บางคนอาจอึน้อยลงเหลือ 2-3 วันครั้ง และอึอาจแข็งขึ้นและมีกลิ่นแรง รวมไปถึงบางคนอาจมีท้องเสียในช่วงแรก เพราะร่างกายต้องปรับตัวกับการเผาผลาญไขมันสูง
ถ้ากิน Carnivore Diet แล้วรู้สึกสบายท้อง ไม่มีอาการอึดอัด ก็ถือว่าปกตินะครับ
4. ท้องผูก vs. ท้องเสีย แก้ยังไง?
แล้วถ้ารู้สึกว่าขับถ่ายผิดปกติ ลองแก้ไขตามนี้ได้เลย
ถ้าท้องผูก
- ดื่มน้ำเยอะขึ้น (วันละ 2-3 ลิตร)
- กินอาหารที่มีไฟเบอร์ (ผัก ผลไม้ ธัญพืช)
- ออกกำลังกาย เช่น เดินหลังอาหาร
- กินอาหารที่มีโพรไบโอติกส์หรือกินเป็นอาหารเสริมก็ได้
ถ้าท้องเสีย
- หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด นม หรือของเผ็ด
- ดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทนน้ำที่เสียไป
- กินอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม ต้มจืด
- ถ้าอาการรุนแรงเกิน 48 ชั่วโมง ควรพบรีบหาหมอ
5. สรุปง่ายๆ เราไม่จำเป็นต้องอึทุกวันนะครับ
ถ้าอึไม่บ่อยแต่ไม่มีอาการแน่นท้อง หรือท้องเสียแต่ไม่รุนแรง ก็ไม่ต้องเครียดนะครับ สำคัญคือขับถ่ายแล้วรู้สึกดี ก็พอแล้ว อีกอย่างที่อยากฝากทุกคนคือ สังเกตอึตัวเองด้วยนะ มันก็เป็นสัญญาณบอกโรค อันนี้ก็สำคัญเหมือนกัน ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยครับ