เจ้าสาวงง สามีให้เซ็นไม่รับทรัพย์สิน พอหยิบบางสิ่งให้ดู หน้าซีด

เจ้าสาวพูดไม่ออก เจ้าบ่าวให้เซ็นสัญญาไม่รับทรัพย์สิน - ใช้เงินอย่างจำกัด พอหยิบบางสิ่งให้ดู สามีป้ายแดงหน้าซีดเลย
เรื่องราวของหญิงรายหนึ่งในเวียดนามวัย 35 ปี ที่มีชีวิตที่สุขสบาย ทั้งบ้าน รถ และที่ดินเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่เคยแต่งงาน จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ญาติของเธอได้แนะนำให้รู้จักกับชายรายหนึ่งที่อายุเท่ากัน เขามีหน้าที่การงานมั่นคงและยังโสด แม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างยุ่งยากและจู้จี้จุกจิก แต่เธอก็คิดว่าเธอกับเขาน่าจะเข้ากันได้ จึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาเมื่อไม่นานมานี้
งานแต่งงานของทั้งสองจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย โดยเชิญแขกจำนวน 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติและเพื่อน ส่วนตัวเจ้าสาวก็ไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวแบบธรรมดา และไม่ได้เล่นใหญ่อะไรมากนัก ทั้งงานแต่งงานและงานเลี้ยงฉลองก็จัดขึ้นในคืนเดียว แต่หลังจากงานแต่งงานจบลง กลับเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจอย่างไม่คาดคิด
สามีของเธอขอให้เธอเซ็นสัญญาข้อตกลงที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เธอจะไม่รับทรัพย์สินของเขา ซึ่งประกอบด้วยบ้าน ที่ดินในชนบทที่ครอบครัวเขาให้มา และเงินออมจำนวน 500 ล้านด่ง (ประมาณ 670,000 บาท) เธอรู้สึกประหลาดใจและไม่คิดว่าสามีจะคิดคำนวณขนาดนี้ โดยเขาอธิบายว่าเขาแค่ทำเผื่อไว้ เพราะไม่อยากมีปัญหาขัดแย้งในอนาคต
สามีของเธอบอกว่า เงินเก็บส่วนตัวนั้นมาจากการทำงานหนักในอดีต จึงไม่สามารถนำมาให้ภรรยาและลูกได้ ส่วนเงินเดือนที่เขาจะได้รับหลังจากนี้ เขาจะให้เธอใช้เดือนละ 10 ล้านด่ง (ประมาณ 13,000 บาท) เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่เขาก็เตือนว่าเธอไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะเขาไม่มีเงินมากนัก หากเธอต้องการเพิ่มก็ไม่สามารถให้ได้
แน่นอนว่า ฝ่ายหญิงรู้สึกอึ้งและเริ่มคิดว่าคงแต่งงานกับคนผิด เธอรู้สึกว่าราคาที่ต้องจ่ายนั้นขมขื่นเกินกว่าที่คาดคิดไว้ หลังจากนั้นเธอจึงตัดสินใจเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเอกสารออกมา 2 ชิ้น ซึ่งทำให้สามีของเธอหน้าซีด เพราะชิ้นแรกเป็นโฉนดบ้านที่เธอซื้อเองและชิ้นที่สองเป็นสมุดเงินฝากที่มีเงินเก็บ 2 พันล้านด่ง (ประมาณ 2.6 ล้านบาท)
เธอพูดกับสามีว่า "ฉันมีทรัพย์สินมากกว่าคุณหลายเท่า และเงินเดือนของฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินที่คุณให้เลย ในด้านคุณสมบัติ ความสามารถ และความก้าวหน้า ฉันเหนือกว่าคุณมาก ฉันแพ้คุณแค่เรื่องเดียวคือ เรื่องการคำนวณรายละเอียดระหว่างสามีกับภรรยา"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สามีของเธอรู้สึกอับอายและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาจึงพยายามเก็บสัญญากลับไป แต่เธอได้คว้ามันมาจากมือเขาและตั้งใจเซ็นมันอย่างแน่วแน่
หลังจากคืนนั้น เธอและสามีก็เริ่มนอนแยกห้องกัน และเธอเริ่มคิดว่าจะหย่าดีไหม แม้ว่าจะเพิ่งแต่งงานไปได้ไม่นาน แต่การที่ต้องอยู่ร่วมกับชายที่คำนวณทุกอย่างเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ข้อมูลจาก Soha

ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ก.ไซเบอร์ 2 ฉบับ ธนาคาร-ค่ายมือถือ รับผิดด้วย

เพื่อนสนิท "ณิชา" ฟาดเดือด หลัง "มายด์" เปิดปากสัมพันธ์ "โตโน่"

กัน จอมพลัง ซัดคนขับ BMW ลุงป้ายกมือไหว้ขอโทษ ยังเดือดไม่หยุด

"พาณิชย์" เผยผลไม้ไทยนิยมในยูเออี คนรุ่นใหม่-กลุ่มกำลังซื้อสูง
