เปิด "5สัญญาณตับแข็ง" ที่ดูได้จากผิวหนัง หลายคนเป็นแต่ไม่รู้ตัว

อาการคันโดยไม่มีผื่นอาจเป็นสัญญาณจากตับ หากคุณคันโดยไม่รู้สาเหตุ หรือคันในตอนกลางคืน ลองตรวจสอบตับ หมอเจดเผย "5สัญญาณตับแข็ง" หลายคนอาจไม่รู้
ผิวเหลืองและตาเหลือง - หมอเจดเ ผยว่าหากคุณเริ่มสังเกตเห็นผิวและตาเหลือง อาจเป็นสัญญาณของ "ดีซ่าน" หรือภาวะที่ตับเริ่มไม่ทำงานอย่างเต็มที่ ต้องรีบไปตรวจสอบตับด่วน
โดย "หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
5 สัญญาณตับแข็ง สังเกตง่ายๆ ได้จากผิวหนัง
รู้ไหมว่าตับเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักสุด ๆ ทั้งช่วยจัดการสารพิษ สร้างโปรตีน ควบคุมฮอร์โมน ย่อยไขมัน
แต่ถ้าตับเริ่มมีปัญหา มันจะไม่ปวดหรือเจ็บชัด ๆ เหมือนอย่างอื่นนะ
แต่บางทีมันก็จะค่อยๆ แสดงออกทางผิวหนัง
วันนี้เราเลยอยากชวนมาสังเกต 5 อาการที่เจอบนผิวเราเนี่ยแหละ ที่อาจกำลังแอบบอกว่า “ตับเราน่าจะเริ่มมีปัญหาแล้วนะ”
1. ผิวเหลือง ตาเหลือง
ลองส่องกระจกดูดี ๆ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าหน้าดูเหลือง ๆ แปลก ๆ
นี่แหละอาจเป็นสัญญาณแรกของภาวะที่เรียกว่า “ดีซ่าน
” ซึ่งมันคือการที่ร่างกายเรามีสารที่ชื่อว่า "บิลิรูบิน" มากเกินไป
เจ้าสารนี้เกิดจากตอนที่ร่างกายเรากำจัดเม็ดเลือดแดงเก่า แล้วปกติตับจะช่วยเอาออกไปทางน้ำดี
ถ้าตับเริ่มทำงานไม่ดี ไม่ว่าจะจากการอักเสบ ตับแข็ง หรือท่อน้ำดีอุดตัน
บิลิรูบินจะค้างในเลือด แล้วทำให้ผิวกับตาดูเหลือง ๆ ขึ้นมานั่นแหละ
2. เส้นเลือดฝอยเหมือนใยแมงมุม
ถ้าสังเกตตรงใบหน้า คอ อกส่วนบน และแขน แล้วมีมีเส้นเลือดแตกแขนงออกคล้ายใยแมงมุม
ถ้ามีแบบนี้เยอะ ๆ อย่ามองข้ามนะ เพราะมันเรียกว่า "Spider angioma"
ซึ่งเจอบ่อยในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ โดยเฉพาะตับแข็ง
สาเหตุหลักคือ พอตับทำงานไม่ดี มันจะเคลียร์ฮอร์โมนพวกเอสโตรเจนไม่ได้ ฮอร์โมนพวกนี้พอสะสมเยอะ
ก็จะไปทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัว เลยกลายเป็นใยแมงมุมแบบที่เห็น
ใครเริ่มมีจุดพวกนี้ขึ้นหลายจุด แนะนำให้เช็กตับด่วนครับ
3. คันทั้งตัว แต่ไม่มีผื่น
เคยเป็นไหม? อยู่ดี ๆ ก็คันทั้งตัว โดยเฉพาะตอนกลางคืน คันแบบไม่มีผื่น ไม่มีตุ่ม เกาแค่ไหนก็ไม่หาย
คันจนหงุดหงิดนอนไม่หลับเลยนั่นแหละ บางคนคิดว่าแพ้อะไรสักอย่าง แต่จริง ๆ แล้วตับอาจเป็นต้นเหตุ
เรื่องของเรื่องคือ ถ้าตับมีปัญหา เช่น โรคตับอักเสบเรื้อรัง ในโรคที่เกี่ยวกับการอุดตันของทางเดินน้ำดี (เช่น PBC) น้ำดีมันจะไหลไม่สะดวก
แล้วเกิดการคั่งในร่างกาย สารพวกนี้จะไปกระตุ้นปลายประสาทใต้ผิว ทำให้คันหนักมาก
ถ้าคันแบบหาสาเหตุไม่เจอ ลองนึกถึงเรื่องตับด้วยนะ
4. ช้ำง่าย ทั้งที่ไม่ได้ชนอะไรแรงเลยเคยเจอแบบนี้ไหม? อยู่ดี ๆ แขน ขา มีรอยช้ำ ๆ เหมือนโดนอะไรมา
แต่เราก็ไม่ได้กระแทกอะไรสักอย่าง หรือแค่เกานิดเดียวก็เป็นจ้ำแล้ว ถ้าใช่ อาจต้องหันมามองตับแล้วล่ะ
เพราะตับมีหน้าที่สร้างโปรตีนที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว ถ้ามันทำงานไม่ดี โปรตีนพวกนี้จะลดลง
ส่งผลให้เลือดหยุดไหลยาก แล้วก็ทำให้เราเป็นรอยฟกช้ำง่ายกว่าเดิม
นอกจากนี้ในบางคนที่มีตับแข็งร่วมกับม้ามโต ม้ามจะไปทำลายเกล็ดเลือดมากขึ้นอีก ยิ่งทำให้เกิดรอยช้ำหรือจ้ำเลือดง่ายขึ้นไปอีก
ถ้าช้ำง่ายแบบไม่มีเหตุผล อย่าลืมเรื่องตับมีปัญหานะครับ
ซึ่งอาการนี้พบได้บ่อยในโรค ตับแข็ง (Cirrhosis) โดยเฉพาะเมื่อมีภาวะร่วมอย่าง
ม้ามโต (Hypersplenism) ซึ่งทำให้เกล็ดเลือดต่ำยิ่งขึ้นไปอีก
5. มือแดงแบบแปลก ๆ
ลองดูฝ่ามือตัวเองดูหน่อย ถ้าตรงโคนนิ้วโป้งหรือนิ้วก้อยแดงแบบไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่ไม่ได้จับของร้อน ไม่ได้เพิ่งออกแรงหรือออกกำลัง
อาจเป็นภาวะที่เรียกว่า "Palmar erythema" มือแดงแบบนี้เกี่ยวข้องกับตับที่เริ่มทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะในคนที่มีตับแข็งจากดื่มแอลกอฮอล์หรือจากสาเหตุอื่น ๆ
เพราะตับไม่สามารถเคลียร์ฮอร์โมนส่วนเกินได้อีกแล้ว ฮอร์โมนพวกนี้ไปทำให้เส้นเลือดฝ่ามือขยายตัวแบบไม่ปกติ จนมือแดงขึ้นมา
บางคนมือแดงมาเป็นปี ๆ แล้วไม่รู้ว่าเกี่ยวกับตับก็มีนะ อาการนี้มันจะสัมพันธ์กับ โรคตับแข็ง และโรคตับจากแอลกอฮอล์
อย่าคิดว่าตับจะแข็งแรงแค่ไม่ดื่มเหล้า เพราะพฤติกรรมหลายอย่างก็ทำร้ายตับได้เหมือนกัน
เช่น กินของทอด ของมัน ของหวานบ่อย ๆ
ดื่มน้ำอัดลมหรือชาไข่มุกแทนน้ำเปล่าเป็นประจำ นอนดึกทุกวัน เ
ครียดสะสม ไม่ออกกำลังกาย หรือแม้แต่กินยาพาราหรือสมุนไพรบางชนิดติดต่อกันโดยไม่รู้ว่าเป็นพิษต่อตับ
นี่ยังไม่รวมถึงเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง น้ำหนักเกิน หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคตับ
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ค่อย ๆ ทำให้ตับเสื่อมลงเรื่อย ๆ ได้ทั้งนั้น เพราะความเสี่ยงมีมากกว่านั้นเยอะ
ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง น้ำหนักเกิน กินยาบางชนิดบ่อย ๆ หรือแม้แต่พันธุกรรมในครอบครัว ก็ทำให้ตับพังได้เหมือนกัน
การดูแลตับไม่ได้ยากเท่าที่คิดเลย แค่เริ่มต้นจากพฤติกรรมง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน เช่น
- กินอาหารที่ดีต่อตับ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี หลีกเลี่ยงของทอด ของมัน และอาหารแปรรูป
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ช่วยให้ตับขับของเสียได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดไขมันสะสมที่ตับ
- งดเหล้า เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเป็นตัวการหลักทำร้ายตับโดยตรง
- นอนให้พอ และลดความเครียด เพราะทั้งสองอย่างมีผลต่อการอักเสบและการซ่อมแซมของตับ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะยาที่ต้องผ่านการกรองจากตับ เช่น พาราเซตามอล หรือสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน
- เสริมวิตามินและสารอาหารช่วยบำรุงตับ
•วิตามิน E: ลดการอักเสบของตับ
•Dandelion (แดนดิไลออน): ช่วยขับสารพิษออกจากตับ
•โคลีน (Choline): ลดความเสี่ยงไขมันพอกตับ
อย่าลืมดูแลตัวเองตามที่ผมบอกนะ ใครมีคำถามคอมเมนตืไว้ได้เลยนะครับ

นางเอกดัง "เบลล่า ราณี" สุดเศร้า สูญเสียคุณยายอันเป็นที่รัก

"เบิร์ด เทคนิค" สูญเสียครั้งใหญ่ สุดเศร้าโลกนี้ช่างใจร้ายกับผม

ข่าวดี รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึงสิ้นเดือนนี้

โดนแล้ว "พีช สมิทธิพัฒน์" สารภาพ 3 ข้อหา เผยค่าปรับที่ต้องชดใช้
