ธุรกิจประกันภัย ชู ESG ลดความเหลื่อมล้ำ เข้าถึง ปชช. รายได้น้อย
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ชู ESG ลดความเหลื่อมล้ำ วางเเนวคิดกรมธรรม์รักษ์สิ่งเเวดล้อม เข้าถึงประชาชนรายได้น้อย
ปัจจุบันคำว่า ESG (Environment,Social,Governance) ถูกนำมาใช้กับหลายบริษัท หลายองค์กรมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก ESG คือ กรอบแนวคิดในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนที่บริษัทต่างๆ นำมาใช้ในการตัดสินใจเลือกลงทุน โดยไม่ได้มุ่งเน้นการหากำผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึงการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และหนึ่งในธุรกิจที่นำเรื่องของ ESG มาปรับใช้คือธุรกิจประกันภัย
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ESG เป็นเรื่องที่ทุกธุรกิจ และทุกอุตสาหกรรมพยายามที่จะผลักดันเนื่องจากเป็นเรื่องที่ให้สำคัญกับ สิ่งแวดล้อม สังคม และการสร้างธรรมาภิบาล ซึ่งสมาคมประกันวินาศภัยไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ จึงมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นคณะทำงานเพื่อยกร่างเรื่องของแนวทางในการดำเนินการของธุรกิจประกันวินาศภัยที่จะทำให้เรื่องของ ESG กลายเป็นส่วนหนึ่งของการกำเนินธุรกิจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะมีการเผยแพร่และเชิญประชุมสมาชิกของสมาคมประกันวินาศภัยไทยให้เข้าใจถึงแนวทาง และทิศทาง เพื่อสร้างให้เกิดความยั่งยืนทางประกันวินาศภัย
ดร.สมพร กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของมาตรการจากเรื่องของ ESG โดย E ที่มาจาก Environment สมาคมประกันวินาศภัยมีแนวความคิดที่จะออกกรมธรรม์ที่จะช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมโดยปัจจุบันสมาคมฯ มีกรมธรรม์ที่เป็น Pollution อยู่จำนวนมาก รวมไปถึงสนับสนุนให้สังคมมีกรมธรรม์ที่เป็นลักษณะของการประกันภัยรายย่อย หรือ ไมโครอินชัวรันส์ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ออกแบบสำหรับผู้มีรายได้น้อย เช่น กลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้า ทั้งประชาชนทั่วไป พ่อค้า แม่ค้าแผงลอย ให้สามารถเข้าถึงการประกันภัยมีหลักประกันคุ้มครองดูแลชีวิตของตัวเองได้มากขึ้น