หมูเถื่อน จากยุโรปทะลักเข้าไทย ลอบนำเข้าทะลักภาคเหนือ
หมูเถื่อน จากยุโรปทะลักเข้าไทย ลอบนำเข้าทะลักภาคเหนือ ปศุสัตว์ เร่งกวาดล้าง ทะลักขายภาคเหนือเกลื่อนตลาด เสี่ยงกับระบาด ของโรคอหิวาต์แอฟริกา หรือ ASF
หมูเถื่อน จากยุโรปทะลักเข้าไทย ลอบนำเข้าทะลักภาคเหนือ ปศุสัตว์ เร่งกวาดล้าง ผู้เลี้ยงหมูร้อง หมูเถื่อน นำเข้าทะลักขายภาคเหนือเกลื่อนตลาด ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจาก การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกา หรือ ASFในไทย เรื่องนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้องรัฐให้กวาดล้างเป็นระยะ และกว่า 387 ครั้ง ร้องรัฐให้กวาดล้างเป็นระยะและกว่า 387 ครั้งที่กรมปศุสัตว์ตรวจห้องเย็นที่มีความเสี่ยงพบซากสุกรกว่า 4.2 ล้าน กก.
นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์สุกรในขณะนี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจริง เนื่องจากปริมาณหมูที่ส่งเข้าพื้นที่ภาคเหนือมีมากเกินความเป็นจริง จากปกติจะมีหมูเข้าเชือดในพื้นที่ประมาณ 2,000-3,000 ตัวต่อเดือน และมีการนำเข้าซากหมูหรือหมูที่เชือดแล้วประมาณ 2-3 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน แต่ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 มีการนำเข้า "ซากหมู" ขึ้นมาทางภาคเหนือเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน ส่งผลกระทบให้ยอดขายหมูมีชีวิตในฟาร์มเริ่มช้าลง 30%
“มันคิดไปในทางอื่นไม่ได้เลย เพราะผลผลิตหมูไทยที่เกษตรกรช่วยกันเลี้ยงนี้จะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณเข้าสู่สมดุลได้ราวสิ้นปี แต่ จู่ๆ กลับมีปริมาณหมูในตลาดเพิ่มขึ้นผิดปกติ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหมูนำเข้าที่ผิดกฎหมาย เพราะประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าหมู ซึ่งนอกจากจะกระทบสุขอนามัยของผู้บริโภคแล้ว ยังส่งผลถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูที่กำลังง่วนกับการเลี้ยงหมูปลอดภัยภายใต้ต้นทุนการป้องกันโรคที่สูงขึ้น ทำลายแผนการฟื้นฟูหมูไทยในระยะกลางและระยะยาวด้วย”
หมูจำนวนมากเข้ามาตีตลาดในภาคเหนือ ส่งผลทำให้เกษตรกรขายหมูได้น้อยลง เช่น เขียงเคยเข้ามาจับ 3 ตัวต่อวันก็จับเหลือเพียง 1-2 ตัวต่อวัน โดยราคาขายหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มในพื้นที่ภาคเหนือราคาประมาณ 110 บาท/กก. ทำให้ผู้เลี้ยงต้องเลี้ยงหมูที่ยังขายไม่ได้ต่อไป และเริ่มสะสมน้ำหนักเกิน 100 กก. ต้นทุนการเลี้ยงยิ่งสูงขึ้น หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้หวั่นเกรงจะกระทบต่อราคาขายจะเริ่มลดลง
ทั้งนี้ เกษตรกรมีการเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาหมูเถื่อน หรือ หมูลักลอบนำเข้ามาโดยตลอด และกรมปศุสัตว์ก็มีการตรวจจับบ้างประปรายในจำนวนไม่มากนัก สวนทางปริมาณหมูเถื่อนที่มีอยู่จริงเป็นจำนวนมากในท้องตลาด ทุกคนทราบดีว่าหมูเถื่อนจะบรรจุเป็นกล่องมาในตู้คอนเทรนเนอร์ ระบุต้นทางมาจากประเทศเยอรมนี สเปน ซึ่งสำแดงเท็จเป็นปลาและอาหารสัตว์หรืออาหารทะเล เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจโรคระบาด ASF ที่กำลังระบาดอย่างมากในยุโรป และหลบเลี่ยงการขอใบอนุญาตขนย้ายซากสัตว์จากกรมปศุสัตว์
เมื่อนำเข้ามาได้แล้วก็จะกระจายนำไปฝากห้องเย็นเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 ตู้ ทั้งที่จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ และห้องเย็นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วางขายกันเกลื่อนตลาดจนส่งผลกระทบต่อราคาหมูมีชีวิตของเกษตรกรไทย
“ระดับราคาหมูเถื่อนถูกกว่าหมูไทย เนื่องจากไม่มีมาตรการป้องกันโรคหรือตรวจสอบย้อนกลับที่ดี ต้นทุนการผลิตหมูจึงถูกกว่า ส่วนเครื่องในเขาก็ไม่กิน การส่งมาขายที่ไทยจึงเปรียบเหมือนได้ทั้งเงินและลดขยะในบ้านเขา ที่สำคัญ หมูเถื่อนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากคนไทย ทั้งภาครัฐผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบป้องกันแต่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหารที่หันไปซื้อของถูกมาปรุงให้ผู้บริโภคกิน คนรับกรรมก็คือผู้บริโภคคนไทยทั้งประเทศ และเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจะไม่สามารถฟื้นฟูผลผลิตได้ตามเป้าหมาย จึงต้องขอร้องให้ภาครัฐขจัดปัญหาหมูเถื่อนอย่างจริงจังโดยทันที” นายสุนทราภรณ์กล่าว
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว ตามที่ได้รับแจ้งมีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจำนวนมากจากด่านชายแดนเพื่อนบ้าน โดยสำแดงเอกสารเท็จปลอมแปลงว่าเป็นรายการสินค้าชนิดอื่นนั้น ตนได้สั่งการด่วนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลการดำเนินการเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าซากสุกรจากต่างประเทศ
ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการในการดำเนินการมาอย่างเข้มงวดต่อเนื่องในการตรวจสอบและการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์ หรือซากสัตว์ ภายใต้กฎหมายพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่อาจติดมากับสัตว์หรือซากสัตว์ โดยปฏิบัติภายใต้มาตรา 31 มาตรา 32 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว