“ต้น พลกฤษณ์” อดีตพระเอกละครพื้นบ้าน ไม่อายทำกิน เปิดร้านซักอบรีด หารายได้
ต้องบอกว่าล่าสุด “ต้น พลกฤษณ์” อดีตพระเอกละครพื้นบ้าน นั้นก็ไม่อายทำกิน ได้เปิดร้านซักอบรีด หารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว!
เรียกได้ว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างสำหรับอดีตพระเอกละครพื้นบ้าน “ต้น พลกฤษณ์ จักรสุววรณ” ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ้าตัวจะพลิกผันอย่างหนัก หลังจากโดนพิษโควิด-19 เล่นงานทำให้ไม่มีละครมา 2 ปีเต็มๆ โดนยึดทั้งบ้านทั้งรถ เหลือแค่มอเตอร์ไซค์คันเดียว
โดย “ต้น พลกฤษณ์” ได้ออกมาเปิดใจกับทาง ทีมข่าวThainews ว่า ชีวิตตอนนี้สุขภาพดีแต่อย่างอื่นไม่ดี ด้วยพิษโควิด-19 ตอนนี้ก็พยายามดิ้นรนขายของเพื่อสร้างอาชีพ หลังจากที่ไม่มีงานละครมา 2 ปีเต็มๆ ซึ่งผลกระทบกับเรามากๆ ในตอนแรกพอไหวแต่พอนานๆเข้ามันก็ไม่ไหวจริงๆ
ตอนแรกเราก็มาผันตัวขับไรเดอร์ส่งอาหารในหมู่บ้าน แต่พอมาเจอหลายระลอกมันก็ทำให้ไม่ไหว รายได้จากข้าวกล่องที่ขับส่งในหมู่บ้านไม่พอ เราก็เลยต้องหาอย่างอื่นทำเสริม ก็เลยเลือกมาไลฟ์สดขายของอาหาร ซึ่งเป็นงานเราไม่ถนัด แต่ก็ต้องทำ เราต้องเรียนรู้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
บางวันถึงขั้นไม่มีเงินพอที่จะไปเติมคนละครึ่งที่รัฐบาลให้มาเลยด้วยซ้ำก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มันก็มีงานละครต่อเนื่องไม่ได้มีผลกระทบอะไร แต่พอมันหยุดแบบกะทันหัน 2 ปีเต็มๆ ไม่รายได้จากงานแสดงแม้แต่บาทเดียว เราก็ต้องปรับเปลี่ยนสร้างอาชีพใหม่ ส่วนข่าวที่ว่าโดนยึดบ้านยึดรถก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด บ้านตอนนี้ก็โดนยึดแล้วแต่ก็ขอประนีประนอมหนี้กับทางธนาคารอยู่ ทั้งตั้วตอนนี้เหลือแค่มอเตอร์ไซค์คันเดียว ทั้งชีวิต เรียกได้ว่าวิกฤตครั้งนี้หนักที่สุดในชีวิตเลยตั้งแต่เกิดมา แต่ก็ไม่เคยคิดอายแต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่าบางครอบครัวเขาก็อาจจะแย่กว่าเรา เราก็มาให้กำลังใจกันดีกว่า
วอนผู้จัดของานทำเพราะตั้งแต่โควิดมาก็ไม่มีงานทำ แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นเราก็พร้อมทำงานนะ ยังมีศักยภาพในการแสดงอยู่ ฝากบอกผู้จัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในวงการว่าอย่าลืมกันนะ
ต้องบอกว่าล่าสุด “ต้น พลกฤษณ์” อดีตพระเอกละครพื้นบ้าน นั้นก็ไม่อายทำกิน ได้เปิดร้านซักอบรีด หารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว! โดยงานนี้ “ต้น พลกฤษณ์” ก็ได้โพสต์ระบุข้อความผ่านโซเชียลว่า “#ไม่เคยคอยวาสนา #ไม่เคยอายทำกิน #เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว #ต้นซักอบรีด #ขอบคุณทุกกำลังใจครับ” ท่ามกลางชาวโซเชียลที่เข้ามาเเสดงความคิดเห็นให้กำลังใจอย่างมากมาย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ tnews