"เมรี คัมภีร์" ลูกสาว "ปู พงษ์สิทธิ์" โต้กลับ "แอมมี่" แฉกลับถูกทำร้ายร่างกาย
"เมรี คัมภีร์" ลูกสาว "ปู พงษ์สิทธิ์" ไลฟ์โต้กลับ "แอมมี่ The Bottom Blues" แฉกลับถูกทำร้ายร่างกาย ยืนยันไม่ได้ขู่ทำร้ายลูกสาว
กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนจับตา กับข่าวของ "แอมมี่ The Bottom Blues" และ "เมรี คำภีร์" ลูกสาวของ "ปู พงษ์สิทธิ์" โดยก่อนหน้านี้ แอมมี่ ออกมาชี้แจงประเด็นทำแฟนท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ระบุว่า "ผมเลิกกับเมรีก่อนหน้าที่จะรู้เรื่องตั้งท้อง หรือก่อนที่เขาจะไปตรวจครรภ์ แรกเริ่มที่ทราบข่าวผมแสดงการรับผิดชอบ และขอคุยถึงการวางแผนการฝากครรภ์ทันทีไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ที่ผมขอคุยเรื่องนี้
ส่วนเหตุผลที่ผมขอเลิกก่อนหน้านี้ มี 3 เหตุผลหลัก ดังนี้
1. เรื่องการขู่ทำร้ายลูกสาวผม
2. เรื่องใส่ความผม กับค่ายต้นสังกัด
3. การแฉในรอบแรก ที่เค้ายอมรับในภายหลังว่า เป็นคนสร้างข่าวเอง และรู้จักกับนักข่าว และเพจเจ้าของต้นเรื่อง
ผมมีหลักฐานทั้งแชททั้งหมด พยานบุคคล และ CCTV จะเปิดเผยทั้งหมดในวันพรุ่งนี้"
ซึ่งทางด้าน สาวเมรี เผยแชทที่คุยกับ แอมมี่ พร้อมระบุว่า "ตัวอย่างการลงแชทที่ถูกต้อง…[แชทข้อความวันที่ตั้งใจไปแจ้งเขาถึงบ้านว่าตรวจขึ้น 2 ขีด แล้วเขาไม่ยอมออกมา แล้วบอกจะเอาตำรวจมาไล่เม สุดท้ายเมกลับบ้านแล้วส่งข้อความตามนี้]"
โดยในแชททาง เมรี อธิบายเรื่องที่ข่มขู่ลูกกับเรื่องจะเอาเข้าคุกว่าเป็นเพราะอารมณ์ ไม่ได้จะทำจริงๆ ส่วนเรื่องต้นสังกัดก็เคลียร์ให้แล้ว ทางเมรียังบอกอีกว่า ตอนแรกก็ว่าจะคุยดีๆ แต่ถ้าลูกเกิดมามีพ่อที่เกลียดเขาขนาดนี้ เมก็สงสารลูก ซึ่งแอมมี่ก็ตอบกลับไปว่า "ไม่ควรมีเด็กที่เกิดจากมึง"
เมรี คัมภีร์ ยังไลฟ์ผ่านทาง TikTok ระบุว่า เรื่องที่ทำร้ายลูกสาวเขา ตอนนั้นแค่บอกว่า "จะบอกลูกคุณว่าคุณทำอะไรบ้าง" ไม่คิดขู่ทำร้าย ที่พูดไม่ได้คิดจะทำจริง แค่ปากเก่งเท่านั้น ยอมรับว่าพูดด้วยอารมณ์ เพราะไม่ได้สนิทกับลูกของเขา ส่วนเรื่องใส่ความ ไม่ได้ใส่ความอะไรเลย
สำหรับเรื่องที่แฉ เมรี เผยว่า "ไม่ได้เรียกว่าแฉ ก็แค่โพสต์เฟซบุ๊กตามปกติ ส่วนเรื่องที่รู้จักกับเพจก็เพราะรอบแรกถึงได้รู้จักกับเพจ ซึ่งรู้จักแค่ไม่กี่เพจ ส่วนเพจอื่นๆ เมไม่รู้จัก"
สำหรับประเด็น CCTV รอบแรกเป็นตอนที่รอหน้าบ้าน เพื่อให้เขาได้ดูผลตรวจ 2 ขีด ซึ่งตอนนั้นมันมีกระดาษอยู่ในรถเป็นภาพวาดของเขา ก็เลยโยนเข้าไปในบ้านเท่านั้นเอง และก่อนจะไปก็แค่เปิดกระจกและตระโกนด่า ส่วนอีกครั้งก็ตอนที่อัลตราซาวด์ ก็เขาบอกให้เราไปรอ เราก็เลยไปรอเขา และตอนสุดท้ายเป็นตอนที่เมเอาไวน์ไปให้แม่เขา แต่สุดท้ายเมก็ไม่ได้เข้าไป ก็วางไว้หน้าบ้านแทน
ส่วนเรื่องที่เขาไล่ให้ไปตรวจอัลตราซาวด์ เขาบอกแค่ว่าก็ให้ครบ 9 เดือนก่อน ค่อยเอาไปเลี้ยง สำหรับเรื่องการตรวจเลือด หมอเข้าให้เอาเลือดผู้ชายมาตรวจ ตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าต้องยังไง ก็เลยทำทุกทาง ให้คนรอบข้างไปขอเลือดมาตรวจ แต่ไม่ได้ขอให้กลับมา สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ก็เลยให้เพื่อนสนิทติดต่อไป เขาก็เลยติดต่อกลับมาวันที่เป็นข่าวและคุยกัน ซึ่งส่วนมากเรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องข่าว และคุยเรื่องลูกน้อยมาก สุดท้ายก็เลยบล็อกเบอร์ไป พอวันต่อมาก็อันบล็อก เพราะเพื่อนสนิทเขาโทรมาบอกว่าจะขอเบอร์พ่อเรา
ส่วนกับพ่อเรายังไม่คุยกับพ่อเลย ตอนนี้พ่อก็คงนั่งตั้งสติอยู่ ก็ได้ส่งข้อความหาพ่อแล้วบอกว่าขอโทษ และบอกพ่อว่ารักพ่อมากแค่ไหน รู้ว่าพ่อก็คงโกรธ เพราะทำให้พ่อเสียใจ แต่จริงๆวันนี้พ่อก็โทรหาแม่แล้ว แต่ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง เมยังไม่ได้คุยเลย แต่พ่อกับแม่ก็คงอดทนระดับหนึ่งแหละที่อยู่นิ่งขนาดนี้
สำหรับเรื่องที่เมบอกเขาว่าจะทำ ก็คืออย่างที่บอก จะบอกลูกเขาว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำ อีกเรื่องก็จะแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกาย ก็หลายอย่าง ทั้งตบ กระชากผม ลากไปกับพื้น นั่งกับพื้นก็ถีบ ลงมือหลายอย่าง แต่แค่ไม่ใช้อาวุธแค่นั้น"