ต่างประเทศ

heading-ต่างประเทศ

สาววัย 13 ทำตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายโคม่า ครอบครัวต้องเลือกถอดเครื่องช่วยหายใจ

25 พ.ค. 2566 | 10:46 น.
สาววัย 13 ทำตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายโคม่า ครอบครัวต้องเลือกถอดเครื่องช่วยหายใจ

พ่อแม่ใจสลาย ลูกสาววัย 13 "ดมสเปรย์ระงับกลิ่นกาย" เทรนด์ฮิตโซเชียล สุดท้ายโคม่า ก่อนครอบครัวตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจ

สาววัย 13 ทำตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายโคม่า ครอบครัวต้องเลือกถอดเครื่องช่วยหายใจ : ทำเอาพ่อแม่ถึงกับใจสลายในพริบตา เมื่อมีรายงานว่า ครอบครัวหนึ่งต้องสูญเสียลูกสาววัยกำลังโตไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่เธอลองทำตามเทรนด์ฮิต กระแสร้อนในโลกออนไลน์ กระทั่งนำมาสู่ชีวิตของเธอ

 

สาววัย 13 ทำตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายโคม่า ครอบครัวต้องเลือกถอดเครื่องช่วยหายใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามรายงานระบุว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ทางตอนใต้ของ ประเทศออสเตรเลีย สาวน้อยวัย 13 ปี เสียชีวิตหลังจากลองทำตามกระแสโซเชียลที่เรียกว่า "โครมมิ่ง" (chroming) ภายหลังครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก

 

โดย ด.ญ.เอสรา เฮย์เนส วัย 13 ปี ทำตามกระแสนิยมบนโลกโซเชียลที่เรียกว่า "โครมมิ่ง" ซึ่งเป็นการสูดดมสารต่างๆ เช่น สีโลหะ ตัวทำละลาย น้ำมันและสารเคมีจากกระป๋องสเปรย์ โดยเฉพาะสเปรย์ระงับกลิ่นกาย เพื่อให้เกิดความรู้สึกมึนเมาเหมือนเสพสารเสพติด ด้านนิวส์ดอตคอม เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นระบุว่าเธอไปนอนค้างบ้านเพื่อนเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา และเอสราได้ลองสูดดมสเปรย์จากกระป๋องระงับกลิ่นกาย


และนั่นส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จนต้องใช้เครื่องช่วยพยุงชีพเป็นเวลานาน 8 วัน แต่ท้ายที่สุดแพทย์บอกว่า "สมองของเธอเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้" และครอบครัวตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจ โดย นายพอล และ นางแอนเดรีย เฮย์เนส พ่อแม่ของเอสรา รวมถึงเซธและชาร์ลี พี่น้องของเด็กสาว พากันกอดเธอจนวินาทีสุดท้าย

 

สาววัย 13 ทำตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายโคม่า ครอบครัวต้องเลือกถอดเครื่องช่วยหายใจ

ทั้งนี้ในรายงานของสื่อออสเตรเลียระบุด้วยว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กวัยรุ่นออสเตรเลียเสียชีวิตหลังพยายามทำการสูดดมสารพิษตามเทรนด์โครมมิ่ง โดยในปี 2562 มีเด็กหนุ่มวัย 16 ปี เสียชีวิต และยังมีวัยรุ่นสาวที่สมองได้รับความเสียหายจากการทำตามเทรนด์ดังกล่าว


พร้อมกันนี้ หลังจากการเสียชีวิตของเอสรา กระทรวงศึกษาธิการรัฐวิกตอเรียกล่าวว่าจะเพิ่มความพยายามในการให้ข้อมูลและความรู้แก่เด็กๆ ในเรื่องผลเสียที่ร้ายแรงของการโครมมิ่ง


ขณะที่ครอบครัวเฮย์เนสทำภารกิจช่วยสร้างความตระหนักถึงอันตรายจากการสูดดมสารพิษ เนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าการโครมมิ่งคืออะไร กระทั่งได้รับสายโทรศัพท์จากโรงพยาบาลที่แจ้งเรื่องลูกสาว


หลังจากนั้นพวกเขาก็แนะนำเด็กและวัยรุ่นเพื่อไม่ให้ทำผิดซ้ำรอยเหมือนลูกสาวของตน นายเฮย์เนสกล่าวกับเฮรัลด์ซันว่า "พวกเราอยากช่วยเหลือเด็กๆ ไม่ให้พลาดตกหลุมพรางจากการทำสิ่งไร้สาระพวกนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่อาจจะเป็นสงครามครูเสดของเรา ไม่ว่าคุณพยายามจะช่วยเหลือมากแค่ไหน แต่คุณไม่สามารถบังคับพวกเขาได้ หากมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากจะทำด้วยตัวเอง"


อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ครอบครัวยังเรียกร้องให้การทำซีพีอาร์เป็นบทเรียนภาคบังคับในโรงเรียน และเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตสเปรย์ระงับกลิ่นกายปรับสารประกอบในผลิตภัณฑ์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นและเป็นพิษน้อยลง

สาววัย 13 ทำตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายโคม่า ครอบครัวต้องเลือกถอดเครื่องช่วยหายใจ

ข้อมูลจาก สเตรตส์ไทมส์

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

ราชกิจจาฯ ประกาศ แต่งตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำนวน 14 ราย

ราชกิจจาฯ ประกาศ แต่งตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำนวน 14 ราย

"หมอดัง" เตือน ยาคู่ยอดฮิตหายปวดแต่ไตพัง กินผิดชีวิตเปลี่ยน

"หมอดัง" เตือน ยาคู่ยอดฮิตหายปวดแต่ไตพัง กินผิดชีวิตเปลี่ยน

"ทนายดัง" เคลียร์ชัด ใครถูกผิด ปมเดือดกระบะ vs บีเอ็มป้ายแดง

"ทนายดัง" เคลียร์ชัด ใครถูกผิด ปมเดือดกระบะ vs บีเอ็มป้ายแดง

แม่ดีใจ เจอแล้ว "น้องแบม" สาวน้อย 15  เปิดใจถึงสาเหตุ หนีออกจากบ้าน

แม่ดีใจ เจอแล้ว "น้องแบม" สาวน้อย 15 เปิดใจถึงสาเหตุ หนีออกจากบ้าน

หนุ่ม กรรชัย ตอบกลับเพจดัง หลังเผยจุดอ่อน เรื่องที่ไม่กล้านำเสนอ

หนุ่ม กรรชัย ตอบกลับเพจดัง หลังเผยจุดอ่อน เรื่องที่ไม่กล้านำเสนอ