หญิงวัย 91 หกล้มเข้า รพ. หลังหมอตรวจตกใจ พบมีเด็กในท้อง ก่อนยอมสารภาพความลับ
หญิงวัย 91 หกล้มเข้า รพ. หลังหมอตรวจตกใจ พบมีเด็กในท้อง ก่อนยอมสารภาพความลับ ลูกได้ยินถึงกับร่ำไห้ แทบไม่อยากจะเชื่อ!
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดฮือฮา เมื่อเว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า หญิงชาวจีนวัย 91 ปีรายหนึ่งเกิดพลาดท่าหกล้ม แต่เมื่อลูกชายพาไปโรงพยาบาล แต่ผลวินิจฉัยจากหมอนั้นกลับต้องตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อ เนื่องจากพบว่าคุณแม่ของเขามี "เด็ก" อยู่ในท้อง มันทำให้เขารู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก
โดยรายงานระบุว่า แม่ลูกอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขา มณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน หญิงชราในวัยสาวได้แต่งงานกับชายคนหนึ่งและให้กำเนิดลูกชาย เธอและสามีใช้ชีวิตกันอย่างราบรื่นแม้จะลำบากทางการเงิน ต่อมาสามีเสียชีวิตไปในตอนที่เธออายุ 30 ปี ส่งผลให้ครอบครัวยิ่งลำบาก จากที่ยากจนอยู่แล้วก็ยิ่งย่ำแย่ลง แต่เธอก็ยังคงพยายามหาเลี้ยงลูก เมื่อลูกโตขึ้น สองแม่ลูกต่างก็ช่วยกันทำงานแบ่งเบาภาระกันจนชีวิตค่อยๆ ดีขึ้น
หลายปีต่อมาลูกชายได้แต่งงานและมีลูกหนึ่งคน แต่แม้ว่าเขาจะมีครอบครัวของตัวเองแล้ว เขาก็ยังไม่ทอดทิ้งแม่ โดยสัญญาว่าจะดูแลแม่อย่างดีไปตลอดชีวิต นอกจากนี้เขายังรู้สึกภูมิใจมากที่แม่ผู้มีอายุเกิน 90 ปีแล้ว ยังมีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และแม้กระทั่งทำหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกหลานด้วย
วันหนึ่งในปี 2550 แม่เกิดอุบัติเหตุล้มลงระหว่างไปตักน้ำ ตอนแรกแม่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลูกชาย แต่ต่อมานอกจากขาของแม่ที่เริ่มบวม แม่ก็ยิ่งเริ่มมีอาการผิดปกติทั้งเหนื่อยง่าย ปวดท้อง และถึงขั้นอาเจียน ลูกชายจึงอย่างพาแม่ไปหาหมอ ตอนแรกแม่มีท่าทีปฏิเสธอย่างชัดเจน บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ผ่านไปอาการแม่ก็ไม่ดีขึ้น ลูกชายจึงตัดสินใจพาไปตรวจที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ
แต่เมื่อหมอได้ฟังคำอธิบายอาการก็รู้สึกเอะใจ เพราะอาการของแม่นั้นไม่สัมพันธ์กับแค่การลื่นล้ม จึงแนะนำให้อัลตราซาวด์ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ เนื่องจากในท้องของหญิงชราวัย 91 ปี มีทารกอยู่ เมื่อลูกชายได้ฟังก็บอกทันทีว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแม่ทั้งอายุมากแล้วและก็ไม่ได้ไปมีความสัมพันธ์กับใครแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันหมอเองก็ประหลาดใจกับภาพที่เห็นเช่นกัน เพราะโดยปกติผู้หญิงจะหยุดตกไข่เมื่ออายุประมาณ 50 ปี แม้จะมีเคสที่หญิงอายุ 60 ปีตั้งครรภ์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้กับผู้หญิงวัย 91 ปีจะยังตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แพทย์รายนี้จึงขอความช่วยเหลือจากสูตินรีแพทย์ให้ทำการอัลตราซาวด์อีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม ลูกชายอารมณ์เสียและโกรธมาก ไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ ยังคงคิดว่าโรงพยาบาลวินิจฉัยผิด จึงพาแม่กลับบ้านทันที
สิ่งที่ตามมาก็คือ เมื่อพวกเขากลับถึงบ้านข่าวลือก็เริ่มแพร่สะพัดในหมู่บ้าน ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงวัย 91 ปีที่เป็นคนซื่อสัตย์และอ่อนโยนกลับกำลังตั้งครรภ์ได้อย่างไร บ้างก็โยงว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับ ส่งผลให้ลูกชายและลูกสะใภ้แทบไม่อยากออกจากบ้านไปเจอผู้คน จนสุดท้ายลูกชายจึงตัดสินใจถามความจริงกับแม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะได้ล่วงรู้ความลับของแม่ที่เก็บงำไว้กว่า 60 ปี
สุดท้ายแม่จึงยอมเล่าให้ลูกชายฟังว่า เมื่อปี 2491 ซึ่งเป็นปีที่แม่ได้สูญเสียสามีไป ขณะนั้นลูกชายอายุได้ 6 ขวบ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของสามีไม่นาน แม่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ แม่นั้นมีความสุขมากแม้จะต้องเตรียมดูแลลูกคนสุดท้องของสามีผู้ล่วงลับ จึงตั้งใจที่จะให้กำเนิดและเลี้ยงดูเด็กคนนี้อย่างดี จากนั้นเมื่ออายุครรภ์ใกล้กำหนดคลอด แม่ต้องการไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่ด้วยโรงพยาบาลอยู่ไกล ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง แม่จึงต้องพาลูกชายไปด้วยกัน แต่ระหว่างขึ้นเรือเพื่อข้ามแม่น้ำ แม่รู้สึกว่าทารกในครรภ์หยุดเคลื่อนไหว สัญชาตญาบ่งบอกว่ามีเรื่องไม่ดีกำลังเกิดขึ้น
แต่เมื่อไปโรงพยาบาล แพทย์แจ้งข่าวร้ายว่าทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว แม่นั้นรู้สึกเศร้าและเสียใจมาก แต่ก็ไม่อยากร้องไห้ออกมาเพราะเกรงว่าจะทำให้ลูกชายต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นแพทย์แนะนำให้ทำการผ่าตัดนำทารกในครรภ์ออก เพราะหวั่นจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของแม่ แต่ด้วยค่าผ่าตัดอยู่ที่ 120 หยวน (ราว 600 บาท) เงินจำนวนดังกล่าวเทียบเท่ากับค่าครองชีพต่อเดือนของครอบครัวเลยก็ว่าได้ แม่กังวลว่าลูกชายจะไม่มีอะไรกิน จึงตัดสินใจไม่ผ่าตัด ก่อนจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเรื่อยมา หลังจากกลับบ้าน แม้จะรู้สึกถึงภาวะแทรกซ้อน แต่แม่ยังคงทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูก กระทั่งหนึ่งปีต่อมาอาการทั้งหลายก็หายไปโดยสิ้นเชิง คิดว่าคงเป็นเพราะคำอวยพรจากสามีผู้ล่วงลับ ทำให้เธอนั้นไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกเลยหลังจากนั้น
ซึ่งเมื่อลูกชายได้รับฟังเรื่องราวในอดีตของแม่ เขารู้สึกตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ได้แต่คิดสงสารที่แม่เลือกจะเสี่ยงไม่ผ่าตัดออกเพราะหวังให้เขาได้มีมื้ออาหารกินในเดือนนั้น นอกจากนี้ลูกชายก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่า ทำไมแม่ถึงมีสุขภาพที่แข็งแรงมาอย่างยาวนานเช่นนี้ทั้งที่มีร่างทารกอยู่ในครรภ์มาตลอด เขาจึงตัดสินใจพาแม่ไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง พร้อมเล่าความจริงทุกอย่างให้แพทย์ฟัง ก่อนทำการตรวจอย่างละเอียดจนได้คำตอบในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว มาจากที่ทารกในครรภ์เสียชีวิตจากการท้องนอกมดลูก เมื่อเวลาผ่านไป ทารกในครรภ์เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นวัตถุแข็งเหมือนหิน โดยสาเหตุที่ไม่กระทบต่อสุขภาพของแม่นั้น เพราะเมื่อถุงน้ำคร่ำแตก น้ำคร่ำและเลือดจะถูกระบายออกทั้งหมด การตั้งครรภ์ที่กลายเป็นก้อนแข็งนี้จึงเหมือนกลายเป็นชิ้นเนื้อส่วนเกินในร่างกายของหญิงชรา นอกจากทำให้หน้าท้องใหญ่ขึ้น รวมถึงบีบรัดส่วนหนึ่งของกระเพาะอาหาร สิ่งนี้ไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้ร่างกายมากนัก
อย่างไรก็ตาม ทางลูกชายได้สอบถามแพทย์แล้วว่า ควรให้แม่ผ่าตัดเอาออกหรือไม่ เมื่อแพทย์พิจารณาจากอายุและสุขภาพของหญิงชราวัย 91 ปี แพทย์มองว่าการผ่าตัดจะเป็นอันตรายมากกว่าการปล่อยให้สิ่งนี้อยู่ในร่างกายต่อไป ดังนั้น ผู้เป็นแม่ในวัยชรา จึงต้องใช้ชีวิตอยู่กับเด็กที่ติดค้างอยู่ในท้องมานานถึง 60 ปีต่อไป