พ่อแม่มีความเชื่อ "แม่น้ำคงคา" ช่วยรักษาโรคร้าย รีบจับลูก 5 ขวบจุ่มน้ำ
พ่อแม่เชื่อว่า "แม่น้ำคงคา" ช่วยรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ลูกชายได้ รีบจับลูกจุ่มน้ำ สุดท้ายเป็นเรื่องสะเทือนใจ
พ่อแม่มีความเชื่อ "แม่น้ำคงคา" ช่วยรักษาโรคร้าย รีบจับลูก 5 ขวบจุ่มน้ำ : นับเรื่องราวสุดเศร้าที่สะเทือนใจมาก เมื่อสื่อต่างประเทศรายงานการเสียชีวิตของเด็กชายรายหนึ่ง ที่ครอบครัวดันมีความเชื่อว่า "แม่น้ำคงคา" จะช่วยทำให้อาการป่วยของเขาดีขึ้นได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ ประเทศอินเดีย ครอบครัวหนึ่งซึ่งอาศัยในเมืองเดลี ได้เผชิญข่าวร้าย เมื่อลูกชายวัย 5 ขวบของพวกเขาป่วยด้วยโรคร้าย ครอบครัวจึงพาเขาไปแช่น้ำคงคาเพื่อ "ช่วยรักษายืดอายุ" แต่ผลลัพธ์ตรงกันข้าม
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น NDTV เผยว่า เด็กชายวัย 5 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดระยะสุดท้าย แพทย์วินิจฉัยว่าเขาไม่สามารถรักษาได้ ทว่าทางครอบครัวไม่ยอมแพ้ เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น.
โดยพวกเขาได้พาลูกชายป่วย นั่งแท็กซี่ออกจากเมืองเดลี เดินทางไปยังแม่น้ำคงคา ที่เมืองหริทวาร ของรัฐอุตตราขัณฑ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ทั้งนี้ครอบครัวของเด็กชายเชื่อว่าแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์จะช่วยรักษาเยียวยาลูกชายได้ เมื่อไปถึงก็จัดการทำพิธีกรรม ทางพ่อแม่ของเด็กชายได้สวดมนต์อยู่บนฝั่ง ในขณะที่ป้าของเด็กชายที่ไปด้วย ได้พาเด็กชายลงไปจุ่มใต้น้ำท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ และน้ำในแม่น้ำเย็นเฉียบ
ขณะนั้นมีคนรอบข้างสังเกตว่า เด็กชายอยู่ในน้ำนานเกินไป จึงบอกให้ทางครอบครัวหยุด แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อ อีกทั้งพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า มีพลเมืองดีบางรายพยายามที่จะเข้าไปช่วยดึงตัวเด็กชายขึ้นมาจากน้ำ แต่ป้าของเด็กชายไม่ยอมและถึงขั้นจะทำร้ายพวกเขาที่เข้าขัดขวาง
กระทั่งเมื่อเด็กชายถูกพาขึ้นมาจากน้ำก็พบว่าเขาแน่นิ่งไม่ได้สติ แม้ขณะนั้นทางครอบครัวยังนั่งเฉยข้างร่างของเด็ก โดยเชื่อว่าเด็กชายจะฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง จนในที่สุดมีคนแจ้งหน่วยฉุกเฉิน นำตัวเด็กชายส่งโรงพยาบาล
ทว่าแพทย์ไม่สามารถช่วยยื้อชีวิตได้ เด็กชายเสียชีวิตไประยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จึงได้เข้ามาควบคุมตัวพ่อและแม่ของเด็กชาย รวมทั้งป้าของเขาไปสอบสวนเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม คนขับแท็กซี่ที่พาครอบครัวนี้มาส่ง เล่าว่า ตอนนั้นเด็กชายป่วยหนักอย่างเห็นได้ชัด อาการของเขาดูแย่มาก ก่อนที่จะได้ทราบจากครอบครัวว่าเขาป่วยด้วยโรคร้าย แต่เขาก็ยังใจสู้นั่งรถมานานกว่าหลายชั่วโมง ตนก็อวยพรอธิษฐานหวังว่าเด็กชายที่น่าสงสารจะได้มีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจบชีวิตทันทีที่ปลายทางแห่งนั้น