ต่างประเทศ

heading-ต่างประเทศ

2 ตายายเก็บเงินสด 8.3 ล้านไม่ยอมฝากธนาคาร จู่ๆ โดนยกเค้าเกลี้ยงบ้าน

05 มิ.ย. 2567 | 16:33 น.
2 ตายายเก็บเงินสด 8.3 ล้านไม่ยอมฝากธนาคาร จู่ๆ โดนยกเค้าเกลี้ยงบ้าน

2 ตายายซ่อนเงิน 8.3 ล้าน ไว้ในบ้าน ไม่ยอมฝากธนาคาร เบื่อความยุ่งยาก วันหนึ่งเจอดีเข้าให้ เงินทั้งชีวิตหายเกลี้ยง

อุทาหรณ์ของคนที่มีเงินสดเก็บแล้วไม่ค่อยอยากฝากธนาคาร เมื่อ 2 สามี - ภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งไม่ไว้วางใจธนาคารและเชื่อว่าการเบิกถอนเป็นเรื่องยุ่งยาก เลือกที่จะดูแลปกป้องเงินเก็บของพวกเขาไว้เอง แต่วันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เพราะจู่ๆ ก็พบว่าเงินสดกว่า 8.3 ล้านบาทที่เก็บไว้ กลับหายไปจากที่ซ่อนของพวกเขา

2 ตายายเก็บเงินสด 8.3 ล้านไม่ยอมฝากธนาคาร จู่ๆ โดนยกเค้าเกลี้ยงบ้าน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศจีน คู่รักสูงวัยดังกล่าวเก็บเงินสด 1.62 ล้านหยวน หรือกว่า 8.3 ล้านบาทไว้ ก่อนที่จะหายไปจากที่ซ่อน ซึ่งจากการสืบสวนเผยว่า ผู้เสียหายคือคู่สามีภรรยาสูงวัย ซึ่งเปิดร้านอาหารเล็กๆ ด้วยกันมานานหลายสิบปี จนสามารถเก็บเงินก้อนใหญ่ได้ และเงินที่หายไปมันคือน้ำแรงจากการทำงานหนักของทั้งคู่

 


ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า ที่ซ่อนเงินของพวกเขาก็ค่อนข้างมิดชิดไม่ธรรมดา แต่เหตุใดจึงมีคนรู้ที่ซ่อนเงินดังกล่าว และบุกเข้ามาขโมยเงินไปได้โดยไม่ปรากฏร่องรอยงัดแงะใดๆ ที่ประตู ซึ่งสำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2558 จู่ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองอิงโขว มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุร้ายจากคู่สามีภรรยาสูงวัย 

 

เจ้าทุกข์บอกว่ามีโจรขึ้นบ้าน และเงินสดจำนวน 1.62 ล้านหยวน หรือกว่า 8.3 ล้านบาท ก็หายไปจากบ้านของพวกเขา ซึ่งจำนวนเงินที่มากมายเช่นนั้นทำให้ตำรวจถึงกับช็อก คดีที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา และมูลค่าความเสียหายก็มากยิ่งกว่าคดีไหนๆ ที่พวกเขาเคยจัดการแม้จะตกใจ แต่ทางตำรวจก็สงบจิตใจรับฟังเรื่องของผู้เสียหาย 

 

 


กลายเป็นว่าคู่สามีภรรยาดังกล่าวเป็นเจ้าของร้านอาหารในท้องถิ่น พวกเขาทำงานมานานหลายสิบปี จนเก็บเงินก้อนได้จำนวนหนึ่ง โดยตั้งใจว่าจะนำเงินล้านนี้ไปซื้อบ้าน แต่พวกเขาได้ยินมาจากใครสักคนว่าการถอนเงินจากธนาคารนั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก และไม่เชื่อใจ จึงไม่นำเงินไปฝากธนาคาร และซ่อนเงินมากมายนี้ไว้ในช่องว่าง ใต้ไม้รองเตียงนอนของตัวเอง เรียกว่าพวกเขานอนเฝ้าเงินนี้อยู่ทุกคืน และมันก็เป็นตำแหน่งที่มิดชิดจนมองไม่เห็นจากภายนอก
 

 

2 ตายายเก็บเงินสด 8.3 ล้านไม่ยอมฝากธนาคาร จู่ๆ โดนยกเค้าเกลี้ยงบ้าน

แต่ล่าสุด ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกันและกลับมาพบว่า บ้านของพวกเขาอยู่ในสภาพเละเทะ ข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย มีร่องรอยรื้อค้นไปหมดทั้งหลัง ลิ้นชักตามตู้ถูกเปิดออก หมอนบนโซฟาก็ถูกโยนมาอยู่บนพื้น แม้แต่ไม้รองเตียงก็ถูกงัดออก ทำให้เงินสด 1.62 ล้านหยวนที่ซ่อนไว้หายไปจนหมด แม้แต่ผ้าปูที่นอนก็ยังถูกโจรขโมยไป

 


คู่สามีภรรยาเห็นแบบนั้นก็ถึงกับทรุดทันที ขณะที่ฝ่ายสามีค่อนข้างมีสติมากกว่าและรีบโทร. แจ้งตำรวจทันที เมื่อตำรวจมาถึงก็เริ่มสอบสวนอย่างไม่รอช้า พบว่าไม่มีสัญญาณการใช้กำลังพังประตูและหน้าต่างเข้ามา นั่นหมายความว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนรู้จักของทั้งคู่ หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการสะเดาะกุญแจ และใช้วิชามารไขประตูเข้ามา

 


จากการสอบสวนผู้เสียหาย ทราบว่าทั้งคู่ไม่เคยให้ใครยืมกุญแจ และจะพกกุญแจติดตัวไปทุกที่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครแอบปั๊มกุญแจไป นั่นหมายถึงคนร้ายจะต้องเป็นโจรที่เชี่ยวชาญในการสะเดาะกุญแจ

 

ต่อมาทางตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากเพื่อนบ้าน และบริเวณรอบๆ ที่อยู่ของผู้เสียหาย ในไม่ช้าก็เจอชาย 2 คนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย คนแรกเป็นชายวัยกลางคนที่ถือถุงใบหนึ่ง ส่วนอีกคนเป็นชายอายุน้อยกว่า ซึ่งเมื่อเจ้าของบ้านได้เห็นถุงในมือคนร้ายก็รีบชี้ไปยังถุงนั้นทันที และบอกตำรวจว่า "นั่นมันผ้าปูที่นอนของผม มันต้องใส่เงินไว้ในนั้นแน่ๆ"

 


เมื่อได้รับการยืนยันและนำใบหน้าจากกล้องวงจรปิดไปสืบค้น ในที่สุดทางตำรวจก็สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ คือชายแซ่คัง และพบว่าคนร้ายมีประวัติไม่ธรรมดา เป็นหัวขโมยมืออาชีพที่เชี่ยวชาญการสะเดาะกุญแจ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็ลงมือสำเร็จ ก่อนหน้านี้เคยถูกจับและรับโทษจำคุก 9 ปี จากการก่อเหตุลักขโมยมาหลายครั้ง แต่หลังออกจากคุกก็ไม่พ้นวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ยังกลับมาก่อเหตุลักขโมยอยู่

 


ต่อมาทางตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายคังได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุร่วมกับหลานชาย โดยสาเหตุที่เลือกจะงัดบ้านของสามีภรรยาคู่นี้ ไม่ใช่เพราะรู้ว่ามีเงินซ่อนอยู่มาก แต่เป็นเพราะบ้านหลังนี้มีประตูที่ใช้ตัวล็อกแบบเก่าๆ ทั่วไป ต่างจากเพื่อนบ้านส่วนมากที่เปลี่ยนมาใช้ตัวล็อกไฟฟ้ากันหมดแล้ว

2 ตายายเก็บเงินสด 8.3 ล้านไม่ยอมฝากธนาคาร จู่ๆ โดนยกเค้าเกลี้ยงบ้าน


เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้ว นายคังก็เฝ้าสังเกตจนรู้ว่าคู่รักจะเดินทางไปเที่ยว ก่อนจะพาหลานชายบุกเข้าไปในบ้านของเหยื่อ โดยใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สะเดาะกุญแจเข้าไปได้ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มรื้อค้นบ้านทั้งหลัง เดิมทีคนร้ายทั้งคู่ก็ยังไม่เจอเงิน พวกเขารื้อค้นข้าวของตั้งแต่ห้องนั่งเล่นไปจนถึงห้องนอน แต่ก็ยังไม่เจอของมีค่าใดๆ ด้วยความโกรธจัด หลานชายของนายคังจึงเตะเตียงที่ตั้งอยู่ ทำให้นายคังได้ยินเสียงแล้วรู้ว่าบริเวณใต้เตียงน่าจะมีช่องว่างอยู่

 


ประสบการณ์ของหัวขโมยมืออาชีพ บอกนายคังว่าอาจจะมีของมีค่าซ่อนอยู่ในช่องว่างใต้เตียง พวกเขาจึงลงมืองัดไม้รองเตียงขึ้นมา แล้วก็เจอกับเงินสดจำนวนมากจริง ๆ ทั้งคู่ตื่นเต้นดีใจมาก และตัดสินใจหอบเงินหนีไปทันทีโดยไม่เสียเวลานับเงิน แต่เพราะไม่มีถุงหรือกระเป๋าเสื้อผ้าใด ๆ จึงคว้าเอาผ้าปูเตียงมาห่อเงินจำนวนดังกล่าว

 


โชคดีที่ทั้งคู่ตื่นเต้นมาก ตอนที่หนีออกจากที่เกิดเหตุจึงไม่ทันสังเกตว่ามีกล้องวงจรปิดในละแวกนั้น ทำให้ถูกจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน โดยคดีในครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่ต้องรับโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม แม้จะตามจับคนร้ายและได้เงินคืนมา แต่ตอนที่คนร้ายถูกจับ เงินของคู่สามีภรรยาได้ถูกใช้ไปบางส่วนแล้ว เหลืออยู่แค่ไม่ถึง 1 ล้านหยวน หรือไม่ถึง 5 ล้านบาท เท่านั้น
 

2 ตายายเก็บเงินสด 8.3 ล้านไม่ยอมฝากธนาคาร จู่ๆ โดนยกเค้าเกลี้ยงบ้าน

ข่าวเด่น

"ทนายอนันต์ชัย"พาสมาชิกสมาคมฮินดูฯ บุก ปค.ร้อง ปธ.-คกก.เก่าขวางเลือกตั้ง

"ทนายอนันต์ชัย"พาสมาชิกสมาคมฮินดูฯ บุก ปค.ร้อง ปธ.-คกก.เก่าขวางเลือกตั้ง

ทำไมคนไทยถึงชอบกิน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากขนาดนี้

ทำไมคนไทยถึงชอบกิน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากขนาดนี้

"ทนายเดชา" ฝากข้อความถึงคนที่ไม่ชอบตน งานนี้ชาวเน็ตแห่ถูกใจ

"ทนายเดชา" ฝากข้อความถึงคนที่ไม่ชอบตน งานนี้ชาวเน็ตแห่ถูกใจ

โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อใหม่ เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี

โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อใหม่ เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี

"ปู มัณฑนา" เผยแจ้งความเอาผิดเกรียนคีย์บอร์ด ล็อตแรก 100 เคส

"ปู มัณฑนา" เผยแจ้งความเอาผิดเกรียนคีย์บอร์ด ล็อตแรก 100 เคส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง