พบ 2 ผัวเมียเสียชีวิตปริศนา สาเหตุจากเครื่องทำน้ำอุ่น แต่ไม่ใช่เพราะไฟดูด
พบ 2 ผัวเมียเจ้าของร้านอาหารเช้าเสียชีวิต ตรวจไม่เจอร่องรอยงัดแงะ ก่อนรู้สาเหตุดับสลด มาจากเครื่องทำน้ำอุ่น
อีกหนึ่งคดีการเสียชีวิตของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นปริศนาก่อนถูกคลี่คลายด้วยวิทยาศาสตร์ หลังจากที่ไม่นานมานี้เกิดเหตุสามีภรรยาคู่หนึ่งวัย 69 ปีประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารเช้าในไต้หวัน ซึ่งขณะที่คู่ค้าเดินทางมาส่งไก่และพบว่าประตูม้วนเหล็กไม่ได้ปิดอยู่ เมื่อเข้าไปถึง ก็ตกใจเมื่อเห็นทั้งสองนอนนิ่งไม่ได้สติ
จากการตรวจสอบพบว่าภายในห้องที่ไม่มีร่องรอยของโดนทำร้ายร่างกายใดๆ เลยจึงรีบโทรแจ้งตำรวจและแจ้งเจ้าหน้าที่รถพยาบาลทันที ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้ให้เห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ชั้นหนึ่งของอาคารในส่วนที่ 2 ของถนนจงซาน ซึ่งไม่มีใครเห็นการแทรกแซงจากภายนอกหรือสัญญาณการต่อสู้ในที่เกิดเหตุ และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการฆาตกรรมถูกตัดออกในตอนแรก
จากการสันนิษฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ผู้เสียชีวิตมีอาการต้องสงสัยเป็นพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่บ้าน แม้ว่านักดับเพลิงจะตรวจไม่พบระดับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ชัดเจนในบ้านหลังจากมาถึงที่เกิดเหตุ แต่ก็พบว่ามีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นในอาคารและสวิตช์ถังแก๊สเปิดอยู่ คาดเบื้องต้นว่า ทั้งคู่อาจกลับไปนอนที่ห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จ เนื่องจากการระบายอากาศในห้องไม่ดีจึงถูกวางยาพิษและเสียชีวิตขณะหลับ
ทั้งนี้รายงานผลการตรวจเลือดหลังภรรยาถูกส่งโรงพยาบาลพบว่า ปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์และฮีมในเลือดสูงถึง 72.7% หลังจากที่สมาชิกในครอบครัวของทั้งคู่ทราบข่าว เธอก็รีบไปที่สถานีตำรวจเพื่อบันทึกและรู้สึกว้าวุ่นใจมาก ตำรวจยังเตือนด้วยว่าเมื่ออุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วในฤดูหนาว ประชาชนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมมีการระบายอากาศที่ดี เมื่อใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแก๊สและอุปกรณ์ทำความร้อน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์สุดสลดที่คล้ายกัน
อย่างไรก็ตาม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผย ความเป็นพิษของคาร์บอนมอนอกไซด์เกิดจากคาร์บอนมอนออกไซด์แย่งจับฮีโมโกบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงส่วนที่เหลือไม่ปล่อยออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ร่างกายขาดออกซิเจน เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย หมดสติ ชัก โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด
ข้อมูลจาก ETtoday