"เสรีพิศุทธ์" ชี้ ก้าวไกล ต้องเสียสละ เปรียบถ้าเรือล่ม คนหนุ่มต้องรอก่อน

 จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา หลังจากที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ได้เข้าร่วมประชุมหารือ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง นำทีมโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าเพื่อไทย ร่วมกับตัวแทนจาก 8 พรรคร่วม โดยกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ ผู้ที่เห็นสมควรในการเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีการเปิดเผย แต่ในวันที่ 27 ก.ค. 66 นั้น จะให้พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอชื่อบุคคลที่เป็นตัวแทน 8 พรรคร่วม เพื่อโหวตนายกฯ โดยมีวิธีการที่จะแสวงหาเสียงจาก สมาชิกวุฒิสภาเพิ่ม ดังนี้

พรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 ซึ่งขาดยู่ที่ประมาณ 63 เสียง จะมีการเข้าไปคุยกับ สว. โดยอาจจะมีเงื่อนไข เกี่ยวกับการประมวลกฏหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 ที่ เพื่อไทย จะเป็นคนไปคุยในเงื่อนไขนั้น กรณีถ้าหากเสียงจาก สว. ไม่พอเพียงในการจัดตั้งรัฐบาล ทาง 8 พรรคร่วมรัฐบาล ก็ให้สิทธิทางพรรคเพื่อไทย ไปคุยเจรจากับพรรคการเมืองพรรคอื่น โดยเป็นเสรีภาพของพรรคเพื่อไทย ในการดำเนินการแนวทางอื่นๆ ที่ประชุมให้สิทธิ พรรคเพื่อไทย ในการแสวงหาวิธีการต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นการไม่เกี่ยวกับพรรคใดใน 8 พรรคเลย

ทั้งนี้ก่อนจบการแถลงการณ์ นายเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นั้นได้พูดสรุปจบอีกครั้ง เกี่ยวกับประเด็น วิธีการแสวงหาคะแนนเพิ่ม โดยกล่าวว่า ทางฝ่าย สว. เขาจิ้มมาเลยว่าถ้ามี ก้าวไกล ก็ไม่เอาด้วย  ชาติไทย ภูมิใจไทย ใครๆก็ไม่เอาด้วย แต่ผมเห็นว่า ก้าวไกลกับ เพื่อไทย ก็อยู่ร่วมกันมาโดยตลอด การที่ เพื่อไทย จะตัด ก้าวไกล เลยมันก็ไม่ถูก เพราะฉะนั้น เพื่อไทย จะต้องรักษาก้าวไกล เอาไว้อยู่ร่วมกัน โดย ก้าวไกล ก็ควรจะสนับสนุนเพื่อไทย ให้ยังมี 151 เสียง เพิ่มขึ้นไปอีก จะได้ไม่หนักใจ ในการหาเสียง สส. สว. มาเพิ่ม ทางด้านนี้ก็ควรจะเป็นเรื่องที่ ก้าวไกล ต้องตัดสินใจ จะทำยังไง ถ้ายังยืนยันอยู่ เพื่อไทยก็ไม่ผ่าน แต่ถ้าเสียสละ ก็พอไปได้

เปรียบเสมือนอยู่กลางทะเล เรือมันล่ม มีผู้หญิง มีคนแก่ มีเด็ก แล้วเราคนหนุ่ม เราต้องขึ้นเรือก่อนเหรอ เราก็ต้องให้เด็กคนแก่ผู้หญิงขึ้นก่อน เราค่อยยอมเสี่ยงภัยไปซะก่อน เดี่ยวเรือลำที่ 2 เราก็ค่อยไป เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องมีผู้เสียสละ ให้ประชาธิปไตยไปต่อได้