DITTO ควัก160 ล้านปลูกป่า ทาบ“ชุมชน”นำพื้นที่เข้าร่วม
DITTO ควัก160 ล้านปลูกป่า ทาบ“ชุมชน”นำพื้นที่เข้าร่วม เฮรับ พ.ร.บ.ปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งทีมเจาะ “อบจ.-อบต.”8พันแห่ง
DITTO เร่งเดินหน้าปลูกป่าชายเลน กำเงิน 160 ล้าน ทีมงาน ต้นกล้าพร้อมลุย เตรียมทาบ “ชุมชน”ในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม ตั้งเป้า 1แสนไร่ เผยกำลังศึกษาออกบอนด์-โทเคนระดมทุน เฮรับข่าวดี พ.ร.บ.ปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์บังคับใช้ ตั้งทีมเจาะองค์กรท้องถิ่น 8 พันแห่ง
เปิดลายแทง “3บิ๊กโปรเจคDITTO”ทิ้งทวนก่อนสิ้นปี เดินหน้า “ปลูกป่า”กำเงิน160ล้านบาท ทีมงาน และต้นกล้าพร้อมลุย ระบุกำลังศึกษาออกบอนด์และโทเคนระดมทุน รับข่าวดี “พ.ร.บ.ปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์บังคับใช้ ตั้งทีมลุยองค์กรท้องถิ่น 8พันแห่ง เผยร่วมทุนทีมกรุ๊ป ตั้งบริษัทใหม่พร้อมเปิดตัวเร็วๆนี้
นาย ฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ ประเทศไทย จำกัด(มหาชน)หรือ “DITTO”เปิดเผยในงาน “BLS Carbon credit Steering toward sustainable growth”จัดโดย บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงว่าดิทโต้ได้ให้ความสนใจในธุรกิจคาร์บอนเครดิตมาโดยตลอดล่าสุดบ.สยามทีซีเทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้รับใบอนุญาตให้เข้าไปดูแลรักษาป่าชายเลน 11,448.3 ไร่เป็นเวลา30ปี เพื่อใช้ประโยชน์ทางคาร์บอนเครดิต และบริษัทจะไปเจรจากับชุมชนบริเวณที่ได้สิทธิ์ในการปลูกป่าเพื่อจะเข้ามาร่วมลงทุนและช่วยบริหารจัดการซึ่งทางบริษัทตั้งเป้าปลูกป่าถึง1แสนไร่
สาเหตุที่ดิทโต้สนใจธุรกิจนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้มีการดำเนินธุรกิจที่ช่วยเรื่องลดโลกร้อน ทั้งธุรกิจบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล “Data &Document Management Solutions”ซึ่งมีส่วนช่วยลดการใช้กระดาษทำให้ลดการตัดต้นไม้ลงได้ซึ่งการลดการใช้กระดาษสามารถนำไปคำนวณคาร์บอนเครดิตได้
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่ม นวัตกรรม วิศวกรรมและเทคโนโลยีโดย บ.สยาม ทีซีเทคโนโลยีมีโครงการบริหารจัดการคัดแยกขยะ ที่สามารถช่วยลดขยะและนำมาคำนวณคาร์บอนเครดิตได้ ทุกวันนี้ ดิทโต้ ได้เข้าไปบริหารจัดการคัดแยกขยะให้กับ อบจ.แห่งหนึ่งจำนวน160ตันต่อวันซึ่งคำนวณเป็นคาร์บอนเครดิต 0.5-0.6ต่อตันต่อวันหากรวมทั้งปีก็ไม่น้อย และยังได้ค่าบริหารจัดการอีกด้วย
นายฐกร กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับดิทโต้ก่อนที่จะมาโฟกัสด้านกรีนเทคโนโลยีก็มีประสบการณ์ มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ มาพอสมควรด้าน บ.สยาม ทีซี เทคโนโลยี ก็มีความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการน้ำมาก่อนจึงสนใจในเรื่องปลูกป่าเพื่อใช้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตโดยศึกษาเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
ตอนนี้ ดิทโต้มีความพร้อมทั้งบุคลากร รวมถึงต้นกล้าที่จะนำมาปลูกเงินลงทุนราว150-160ล้านบาท และค่าใช้จ่ายปีละ30 – 35ล้านบาทสำหรับดูแลรักษาป่าและช่วยสร้างงานให้คนในชุมชนก็เตรียมไว้แล้วขณะเดียวกันก็กำลังศึกษาวิธีการระดมทุนในรูปแบบอื่น เช่นการออกบอนด์ หรือ โทเคน โดยเปิดให้ภาคธุรกิจที่ต้องใช้คาร์บอนเครดิตจองล่วงหน้า ถ้าสำเร็จอาจจะไม่ต้องใช้เงินบริษัทในการลงทุน
“ส่วนในอนาคตเชื่อว่าราคาคาร์บอนเครดิตจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกระแสโลกที่เอาจริงกับปัญหาโลกร้อน รวมถึงการที่ประเทศผู้นำเข้าบังคับให้ผู้ส่งออกต้องเสียภาษีตามมาตรการCBAMหากไม่สามารถลดคาร์บอนได้และทราบว่าอีก2ปี ประเทศไทยก็จะออกกฎหมายเป็นภาคบังคับเช่นกัน อีกทั้งคาร์บอนเครดิตที่ได้จากป่าชายเลนเรียกว่า บลูคาร์บอนมีราคาสูงกว่าที่ได้จากแหล่งอื่นๆ”นายฐกรกล่าว
นายฐกร กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 12ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีราชกิจจานุเบกษาประกาศ พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้90วันหลังจากประกาศ ทำให้หน่วยงานราชการต่างๆสามารถบริหารจัดการเอกสารให้เป็นระบบดิจิทัลได้แบบมีกฎหมายรองรับซึ่งมูลค่ารวมของการปรับการทำงานของหน่วยงานราชการให้กลายเป็นดิจิทัลทั้งระบบนั้น คาดว่ามูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ทางบริษัทจะเน้นการตลาดไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบจ. เทศบาล อบต. ทั่วประเทศกว่า 8 พันแห่ง คาดว่ามูลค่าไม่ต่ำกว่า 3-4พันล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ทดลองบุกตลาดมาระยะหนึ่งแล้วโดยจัดทีมขาย เข้าไปขายโดยตรงและได้ร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างจังหวัดซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพราะองค์กรเหล่านี้เป็นลูกค้าอยู่แล้วทำให้ขายง่ายขึ้น