สมาชิกวุฒิสภาช่วยเหลือปชช. มอบเงินช่วยเหลือ เหตุวาตภัย รร.วัดเนินปอ พิจิตร
สมาชิกวุฒิสภาช่วยเหลือประชาชน เยี่ยม-มอบเงินช่วยเหลือ ให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุวาตภัยโรงเรียนวัดเนินปอ จ.พิจิตร
เมื่อวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ศาลาการเปรียญวัดเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร วุฒิสภา โดยคณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและกิจกรรมนันทนาการของวุฒิสภา นำโดย นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา และว่าที่ร้อยตรี วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี สมาชิกวุฒิสภา
เป็นผู้แทนสมาชิกวุฒิสภาในการเดินทางไปเยี่ยมเยียน มอบเงินช่วยเหลือ พร้อมทั้งให้กำลังใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งรุนแรงที่พัดถล่มบริเวณโรงเรียนวัดเนินปอ ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เมื่อวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566และส่งผลให้โดมอาคารกีฬาในร่มพังถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีผลให้สังคมไทยเกิดความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้
วุฒิสภาขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าว และได้มอบหมายให้นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและกิจกรรมนันทนาการของวุฒิสภา เป็นผู้แทนในการเดินทางไปเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ
และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ครอบครัวละ 10,000 บาท รวมจำนวน 7 ครอบครัว และมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนคนละ 3,000 บาท รวมจำนวน 18 คน พร้อมทั้งมอบเงินเพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์วาตภัยในส่วนที่เกี่ยวข้อง และขอให้กำลังใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เกี่ยวข้องมาในโอกาสนี้ด้วย
ทั้งนี้ นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมการ ได้กล่าวยืนยันว่า วุฒิสภา โดยคณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและกิจกรรมนันทนาการของวุฒิสภา จะยังคงเดินหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้วุฒิสภาได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และร่วมสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือและแบ่งปัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป