สุดยื้อ ช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ล้มแล้ว
ช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ล้มแล้ว หลังทีมสัตวแพทย์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)เฝ้ารักษาแผลเน่า ยื้อชีวิตมานานร่วม 7 วัน พร้อมนิมนต์พรงสงฆ์สวดบังสุกุลตามความเชื่อ
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พบช้างปาเพศผู้อายุ 2-3 ปี เดินอยู่ภายในสวนยางพาราของชาวบ้าน ท้องที่ หมู่ 1 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี โดยช้างป่าได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเน่าเปื่อยขนาดใหญ่ที่บริเวณโคนหาง หลังจากที่นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)ได้รับรายงาน จึงมอบหมายให้นายสิขกพงษ์ กระแจะจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.3 (บ้านโป่ง) นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ
พร้อมด้วย สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สพ.ญ.กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ สบอ.3 (บ้านโป่ง) รวมทั้งทีมสัตวแพทย์ประจำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี เข้าทำการรักษาช้างป่าตัวดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล สอส.สบอ.3 (บ้านโป่ง) สัตวแพทย์ประจำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ทำการรักษาช้างป่า เพศผู้ อายุประมาณ 2-3 ปี มีบาดแผลสาหัส บริเวณโคนหาง ต่อเนื่อง ในพื้นที่ ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
โดยยิงยาลดปวด ลดอักเสบ ยาฆ่าเชื้อเพิ่มเติม ร่วมกับยากินรักษา และทำการล้างแผลและพ่นยารักษาแผลภายนอก ให้ยากินรักษา ได้แก่ ยาลดปวด ลดอักเสบ วิตามิน โปรตีนรวม วิตามินซี น้ำผึ้ง เกลือแร่ ช้างป่า กินกล้วยสุกได้แต่น้อยกว่าปกติ และยังไม่กินหญ้า กินน้ำได้ ขับถ่ายได้แต่มีลักษณะนิ่ม เยื่อเมือกในช่องปากมีสีค่อนข้างซีด สำหรับขาหลังซ้ายยังคงบวมมาก ยังยกขาเดินได้
แต่จากการประเมินอาการในภาพรวมของทีมสัตวแพทย์ พบว่า สภาพแผล สภาวะการติดเชื้อ สภาวะเลือดจาง และขาหลังซ้ายบวมอักเสบ
ล่าสุด วันนี้ 21 ส.ค.ช่วงเช้าที่ผ่านมา ช้างป่าตัวดังกล่าวได้ล้ม (เสียชีวิต)ลงแล้ว สร้างความเสียใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นอย่างมาก โดยคณะสัตวแพทย์จะเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและส่วนที่สำคัญของช้างไปทำการพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ช้างป่าเสียชีวิตลง เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดบังสุกุลตามความเชื่อ ก่อนที่จะทำลายซากด้วยวิธีฝังตามหลักวิชาการต่อไป
ภาพ - ข่าว โดย สุพจน์ แก้วกาสี