รวบแล้ว 2 ผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่าเลขาฯ นายก อบต.หนองนกไข่
รวบ 2 ผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่าเลขาฯ นายก อบต.หนองนกไข่ ขณะที่ญาติผู้บาดเจ็บเชื่อยังมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ด้าน ผบช.ภ.7 สั่งปฏิบัติการปิดเมืองสยบโจรปล้นอิทธิพลสมุทรสาคร ส่วนคนร้ายยังให้การปฏิเสธ
วันนี้ (22 สิงหาคม 2565) ที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร, พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร, พ.ต.อ. เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผู้กำกับการ สภ.กระทุ่มแบน, เจ้าหน้าที่วิทยาการกองพิสูจน์หลักฐาน ภาค7, เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 7, สืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร, สืบสวน สภ.กระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายงานสอบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายกุศลิน สุขแปดริ้ว อายุ 52 ปี และนายสมปอง ลิ้นปิ่น อายุ 66 ปี ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน กรณีนายณรงค์ฤทธิ์ เกตุแก้ว เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองนกไข่ ต.หนองนกไข่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ถูกคนร้ายลอบยิงเข้าที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณบ้านเลขที่ 73 ม.7 ต.หนองนกไข่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 พฤษภาคม 2565
พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนเกือบ 3 เดือน ทางตำรวจมีหลักฐานบ่งชัดว่า บุคคลทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันก่อเหตุพยายามฆ่านายณรงค์ฤทธิ์ ส่วนปมปัญหานั้นยังมีอยู่หลายประเด็นที่ต้องสอบปากคำเพิ่ม เพื่อขยายผลให้ชัดเจนมากที่สุด ซึ่งคดีนี้ผู้ต้องหามีพฤติการณ์เหิมเกริม ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และจากสืบสวนพบว่าก่อเหตุมาหลายครั้ง ซึ่งจะได้รื้อคดีเก่าขึ้นมาด้วย สำหรับอาวุธปืนที่ตรวจพบจากบ้านของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตอนนี้ส่งไปตรวจสอบอยู่ว่ามีการนำไปใช้ก่อเหตุหรือไม่
หากพบว่ามีการนำไปกระทำความผิด ก็ได้ประสานกับฝ่ายปกครองเพื่อให้เพิกถอนใบอนุญาตทุกคน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอง ผบช.ภ.7 เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 7 ระดมกวาดล้างบุคคลที่สร้างปัญหาให้สังคม ตามปฏิบัติการ “ปิดเมืองสยบโจรปล้นอิทธิพลสมุทรสาคร” พร้อมส่งชุดอินทรีย์ 7 ลงพื้นที่ เพื่อร่วมมือกับ นปพ.ของจังหวัด ในการปราบปรามผู้กระทำความผิด สร้างความเดือดร้อนให้สังคม
ผบช.ภ.7 กล่าวย้ำว่า สำหรับผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนฯ เพิ่มเติม หากมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดอย่างแน่นอน เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ครอบครัวผู้บาดเจ็บ และสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน แม้ทางผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และอยู่ในอาการที่นิ่ง ไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด หรือหากจะเปรียบเทียบก็คือ เสือไม่สำนึกบาป แต่ทางตำรวจเชื่อมั่นในหลักฐานที่มี จึงขอให้ครอบครัวผู้เสียหาย สื่อมวลชน และประชาชน เชื่อมั่นได้ว่าผู้กระทำผิดย่อมหนีไม่พ้นหลักฐานที่ตำรวจมีแน่นอน และไม่ต้องหวาดกลัวแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ส่วนที่ว่าหลักฐานเหล่านี้จะสาวไปถึงผู้จ้างวานได้หรือไม่นั้น ขอให้ตำรวจได้ทำงานก่อน แต่เร็วๆ นี้อาจมีข่าวดี ในเรื่องที่ญาติผู้เสียหายให้น้ำหนักไปที่เรื่องการเมืองท้องถิ่น ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ตำรวจตั้งไว้ แต่ยังไม่ชี้เฉพาะลงไป และยังไม่ตัดทุกๆ ประเด็น เพราะในพื้นที่นี้อดีตเคยมีปัญหาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งข้อมูลหลักฐานทั้งหมดอยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นหลักฐานสำคัญ ส่วนการประกันตัวผู้ต้องหาจะทำได้หรือไม่นั้น ได้สั่งการไปยังหัวหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว โดยต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาและหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมได้ทั้งหมด
ด้าน น.ส.ณัชชา เกตแก้ว อายุ 36 ปี ลูกสาวของผู้บาดเจ็บ บอกว่า คนร้ายทั้งสองคนเป็นเครือญาติกับครอบครัวตนเอง ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่าน่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก และเชื่อว่าคนร้ายทั้งสองคนไม่ใช่แพะ ส่วนพฤติกรรมที่น่าสงสัยอย่างหนึ่งคือ ตั้งแต่เกิดเหตุ ทางครอบครัวไม่เคยเจอผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้อีกเลย สำหรับประเด็นปัญหานั้น ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกัน และพ่อเป็นคนที่ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร เป็นคนอัธยาศัยดี คุยสนุก ชอบช่วยเหลือคน จะมีก็แค่เรื่องการเมืองท้องถิ่นอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนความหวาดระแวงนั้นต้องยอมรับว่ายังมีเหมือนเดิม เพราะที่บ้านมีแต่เด็กกับผู้หญิง จนต้องติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม และในโอกาสนี้ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตำรวจไม่เคยทิ้งคดี ยังเฝ้าติดตามและโทรศัพท์หาเพื่อดูแลความเรียบร้อยให้ตลอดเวลา ทั้งยังส่งเจ้าหน้าที่ไปรักษาความปลอดภัยให้กับพ่อตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล ส่วนประเด็นที่ว่ายังมีผู้อยู่เบื้องหลังนั้น ตนเองและครอบครัวไม่อยากพาดพิงถึงใคร ขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดการกับผู้กระทำผิดทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (21 พ.ค.65) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้น เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 49/6 ม.2 ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เมื่อไปถึงพบและจับกุมนายกุศลิน ผู้ต้องหาตามหมายจับ และได้นำหมายค้น ไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 47 ม.4 ต.หนองนกไข่ อ. กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบและจับกุมนายสมปอง จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดำเนินคดี ส่วนข้อมูลทางแฟ้มคดีอาญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ไม่พบประวัติการกระทำความผิดหรือบุคคลตามหมายจับ ของผู้ต้องหาทั้งสองราย
ภาพ - ข่าว โดย ณัฏฐนันท์ ศิริสันติวรกุล สำนักข่าวเนชั่น สมุทรสาคร