"แม่น้องฟิล์ม" ตอบแล้วปมโรคประจำตัวลูกสาว ชี้แจงลูกไม่ได้โดดกิจกรรม

จากเหตุการณ์สลด "น้องฟิล์ม" นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ถูกพบเสียชีวิตปริศนาอยู่ในป่าข้างโรงเรียน ซึ่งทางคุณครูไปพบน้องฟิล์ม นอนหมดสติอยู่ในป่าหลังโรงเรียน เนื่องจากน้องฟิล์มและเพื่อนวิ่งหนีครูฝ่ายปกครองของโรงเรียน ที่เป่านกหวีดไล่กวดเรียกให้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ ขณะออกมาซื้อผัดไทยหน้าโรงเรียน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา

 

โดนทางด้าน "นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว" นายอำเภอสตึก ก็ได้ออกมาเผยว่า จากการสอบถามบิดามารดา ตา และเพื่อนน้องนิชาดา และครูผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าน้องมีภาวะเหนื่อยหอบง่าย โดยเคยสังเกตเห็นอาการ อาจมีโรคประจำตัว แต่ไม่ยอมไปหาหมอ จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าป่วยเป็นโรคใดหรือไม่ เบื้องต้นแพทย์ลงสาเหตุการเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

 

• นายอำเภอสตึก เผยถึงอาการและสาเหตุการเสียชีวิต "น้องฟิล์ม" ยูทูบเบอร์ดัง
• เพื่อนเผย "น้องฟิล์ม" เคยมีอาการเหนื่อยหอบ และคำพูดตอนวิ่งหนีครู
• เปิดคลิปวงจรปิดสุดท้าย "น้องฟิล์ม" ก่อนวิ่งหนีครูเข้าป่าเสียชีวิต

ซึ่งทางด้าน แม่ของน้องฟิล์ม เผยว่า ครอบครัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวแล้ว และไม่อยากสืบสาวหาต้นสายปลายเหตุอะไรต่อขอให้จบแค่นี้ อยากให้ลูกไปสบายเพราะเชื่อว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ใช่ความผิดของใคร เพราะวันเกิดเหตุน้องมีภาวะเหนื่อยหอบ พอจังหวะที่ครูมาไล่ให้ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ ลูกอาจจะตกใจวิ่งเข้าไปในป่าจนทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

ที่ผ่านมาน้องฟิล์มจะไม่ได้มีโรคประจำตัว แต่วันเกิดเหตุน้องบอกกับเพื่อนว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เหนื่อย ก็อาจจะเกิดหัวใจล้มเหลวขึ้นได้ จึงไม่อยากจะโทษใคร ส่วนครูและทางโรงเรียนอยากจะแสดงความรับผิดชอบกับการจากไปของลูกก็แล้วแต่ทางโรงเรียน ครอบครัวก็ไม่ได้จะเรียกร้องอะไร 

ทั้งนี้ แม่น้องฟิลม์ ยังกล่าวอีกว่า วันที่ 3 ก.ย. 65 ทาง ผอ.โรงเรียน คณะครู  และเพื่อนนักเรียน ก็มาร่วมงานสวดอภิธรรมศพน้อง แต่ยอมรับว่าตอนนี้ครอบครัวยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียลูกสาว และมีเรื่องที่อยากจะชี้แจงก็คือ ลูกสาวตนไม่ได้โดดเรียนหรือกิจกรรม เพราะน้องฟิล์มเข้าร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียนตลอด

เพียงแค่วันนั้น น้องไม่สบายเหนื่อยหอบ เพราะช่วงกีฬาสีโรงเรียนน้องพักผ่อนน้อย จึงขอนั่งพักใต้อาคาร ซึ่งก็ใกล้กับจุดที่เขาทำกิจกรรมสวดมนต์ก่อนจะเลิกเรียน แต่น้องไม่สบายจึงไม่อยากจะไปนั่งทำกิจกรรมนานๆ จึงนั่งพักอยู่ใต้อาคาร ไม่ได้ตั้งใจจะโดดตามที่เป็นข่าวได้นำเสนอออกไป

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews