ชาวม่อนแจ่มรวมตัวเดินทางลงดอยยื่นฎีกาในหลวง
ชาวบ้านม่อนแจ่มเดินทางมารวมตัวกันหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ก่อนขึ้นรถลงดอยเข้ายื่น หนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขอความคืบหน้าขอชะลอการรื้อถอน ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯยื่นฏีกาในหลวงในเย็นวันนี้ วอนให้ภาครัฐพิสูจน์สิทธิตามมติครม.2542
เมื่อช่วงเช้า วันที่ 5 ก.ย. 2565 ได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านม่อนแจ่มได้เดินเท้ามารวมตัวกันนับร้อยคนอยู่ที่บริเวณหน้า ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตำบลแม่แรมอำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ก่อนที่จะพากันขึ้นรถเพื่อเข้าไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาตลอด
นายเอกรินทร์ นทีไพรวัลย์ แกนนำกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม กล่าวว่า วันนี้กลุ่มชาวบ้านได้รวมตัวกันเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปทวงถามหนังสือที่เคยยื่นให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นช่วงเย็นก็จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อยื่นถวายฎีกาให้กับในหลวงรัชกาลที่ 10 ขณะเดียวกันก็อยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่มีการพิสูจน์สิทธิตามมติของ ครม.ปี 2542 และอยากให้ใช้ภาพถ่ายทางอากาศในการพิสูจน์สิทธิ ซึ่งหากพบว่ามีชาวบ้านคนใดคนหนึ่งรุกล้ำสิทธิคนในพื้นที่ก็พร้อมที่จะจัดการกันได้ และที่อยากจะเรียกร้องอีกอย่างหนึงคืกแผนที่ที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์ ส่วนเรื่องนอมินีในพื้นที่นั้นยืนันว่าไม่มีนอมินีไม่มีนายทุนในพื้นที่มีประชากรทั้งหมด 3,800 คน ถือที่ดิน 2,500 ไร่ และไม่มีการซื้อขายที่ดินอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จ.เชียงใหม่ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ปทส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ริมกว่า 300 นาย เข้ารื้อถอน 5 รีสอร์ตม่อนแจ่ม แต่ไม่สามารถดำเนินการรื้อถอนได้เนื่องจาก มีชาวบ้านกว่า 500 คน นั่งประท้วงกลางถนนและกดดันเจ้าหน้าที่อย่างหนัก จนไม่สามารถเข้าไปรื้อถอนได้
ทั้งนี้ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอนเมื่ออาทิตย์ก่อนนั้น ได้มีการเข้าตรวจสอบ ที่พักรีสอร์ทบริเวนบนดอยม่อนแจ่ม พบว่า 122 แห่ง มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการโรงแรม และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารจำนวน 86 แห่ง ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และมีบางแห่งที่ศาลพิพากษาความผิดแล้วส่วนอีก 36 แห่ง ตรวจสอบอย่างละเอียดพบข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนมือถ่ายโอนไปให้กับนายทุนเข้ามาประกอบกิจการแทนรวมทั้งมีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 25 ของพระราชบัญญัติป่าไม้
ทางเจ้าหน้าที่จึงมาดำเนินการรื้อถอนในส่วนนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนและเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์ชี้แจงไปแล้วแต่กลุ่มชาวบ้านยืนยันให้เจ้าหน้าที่ชะลอการรื้อถอนไปก่อน โดยให้รอคำตัดสินของศาล ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าการเข้ารื้อถอนเป็นการดำเนินการตามความผิด ม.25 พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกันคดีที่ศาลอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ชาวบ้านยืนยันไม่ยอม จึงไม่สามารถเข้าไปรื้อถอนได้ทางเจ้าหน้าที่จึงยกกำลังกลับ จนวันนี้ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ม่อนแจ่มได้รวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อไปยื่นหนังสือ ทวงถามการชะลอการรื้อถอน ที่พักรีสอร์ทออกไปชั่วคราวก่อน
ภาพ - ข่าว โดย ธนกร วงศ์นาง