เผยผลชันสูตร "น้องจีฮุน" ถูกลืมไว้ในรถรับส่งนักเรียน จนเสียชีวิต
เผยผลชันสูตร "น้องจีฮุน" ถูกลืมไว้ในรถรับส่งนักเรียน พบตับเปลี่ยนสี เชื่อมโยงสาเหตุการเสียชีวิต ไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย
สืบเนื่องมาจากกรณีที่คดี น้องจีฮุน ที่ติดอยู่ในรถตู้รับส่งนักเรียน ของโรงเรียนเเห่งหนึ่งใน อ.พานทอง ล ล่าาสุด ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าพบ พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.นต.รพ.ตร.เพื่อติดตามผลการชันสูตรศพของน้องจีฮุน เด็กหญิงเขมนิจ ทองอยู่ ที่เสียชีวิตจากภาวะฮีทสโตรก หลังจากครูลืมน้องไว้บนรถตู้รับส่งของโรงเรียนใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี
โดยว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวว่า แม่ผู้เสียชีวิตต้องการให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบกระบวนการผ่าพิสูจน์ของสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่โดยมีผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มาร่วมสังเกตการณ์ ไม่พบความผิดปกติ โดยการทำงานมีทั้งหมด 5 ขั้นตอน คือ
1.การบันทึกเสื้อผ้า
2.ตรวจสภาพร่างกายภายนอก
3.ตรวจบาดแผลนอกร่างกาย
4.เก็บวัตถุพยานเช่น เลือด ช่องคลอด ทวารหนัก เล็บ ชิ้นเนื้อ อาหารในกระเพาะอาหาร เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิต
5.การผ่าพิสูจน์ร่างกาย เบื้องต้นพบร่องรอยการพกช้ำตามแขนและใบหน้า รวมทั้งหมด 9 จุด ไม่พบกระดูกหัก ไม่มีการข่มขืน ไม่มีร่องรอยการบีบคอ ที่สำคัญ พบว่าตับเปลี่ยนออกเป็นสีเหลือง ซึ่งปกติตับจะเป็นสีแดงหรือชมพู จึงคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากภาวะฮีทสโตรก
สำหรับรอยเปื้อนบนชุดนักเรียนเกิดจากการที่น้องจีฮุนลงไปนอนบนพื้นรถที่เปื้อนฝุ่น โดยแพทย์ระบุว่า ศพอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า ทำให้เลือดตก จนอาจทำให้เกิดแผลถลอกที่แก้มซ้าย ขณะที่เยื่อบุตาไม่พบเลือดออก เช่นเดียวกับสมอง เพราะหากพบก็จะคาดว่าอาจเกิดจากการกระแทกได้ พร้อมกันนี้ ได้เร่งรัดขอผลการผ่าพิสูจน์ศพ ซึ่งคาดว่าจะได้รับในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยศพจะอยู่ในความดูแลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต หากครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตก็จะนำไปฌาปนกิจต่อไป
ด้าน นพ.ศราวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า อาการฮีทสโตรกในเด็กนั้น เกิดจากการควบคุมอุณหภูมิในสมองของเด็กที่ยังไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงทำให้เด็กทนต่อความร้อนได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขณะที่ผู้ใหญ่อาจใช้เวลา 15 นาทีขึ้นไป ซึ่งภาวะฮีทสโตรก จะทำให้รู้สึกสับสน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ชัก และหมดสติ กระทั่งร่างกายล้มเหลว ซึ่งภาวะฮีทสโตรกสามารถตรวจพบเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงควรตรวจเช็กเด็กก่อนลงจากรถทุกครั้ง สำหรับบาดแผลพกช้ำตามร่างกายน้องจีฮุนตามแขนและขานั้น สันนิษฐานว่า อาการฮีทสโตรกอาจทำให้น้องจีฮุนฟาดแขนและขาไปในรถ เพราะตำแหน่งของร่างกายเข้ากันได้กับส่วนต่างๆ ภายในรถ ทั้งนี้ยังต้องนำข้อมูลการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจมาประกอบกันอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews