คนขับรถนักเรียนบอกไม่ได้พาเด็กฝ่าอันตราย แต่น้ำป่า ไหลหลากมาพอดี
ความคืบหน้าจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้าน กำลังเร่งช่วยนักเรียน 9 คน ที่ติดอยู่ในรถกลางสายน้ำเชี่ยวกราด
โดยเกิดเหตุบนถนนสำนักทอง - กระเฉด ม.1 ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง โดยรถคันเกิดเหตุ เป็นรถบรรทุกสี่ล้อใหญ่สีขาว กำลังเดินทางไปโรงเรียนศรีนครินทร์ แต่มาเจอน้ำป่ากลางทาง ส่งผลให้รถดับกลางสายน้ำ ส่วนการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ใช้เชือกมัดตัวรถตรึงไว้กับเสาไฟ้ฟ้า และพยายามเข้าไปช่วยเด็กนักเรียนบนรถ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องรอกระแสน้ำลดลง จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเดินเกาะไปตามเชือกที่มัดไว้กับตัวรถและเสาไฟฟ้า พานักเรียนลงจากรถทีละคน จนสามารถช่วยทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย
ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก และน้ำได้ไหลมาอย่างรวดเร็ว ทุกปีก็ท่วมแต่น้ำไม่เคยเข้าไปถึงในบ้าน ทั้งที่เตรียมการณ์ไว้บ้างแต่ก็ไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าน้ำจะมาแรงมากขนาดนี้ ซึ่งระยะเวลาที่น้ำท่วมประมาณ 30 นาทีก็ไหลลงคลองทั้งหมด ทิ้งไว้แต่สภาพความเสียหาย
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ หิตจำนงค์ รองผู้กำกับการปราบปราม สภ.สำนักทอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์รถนักเรียนติดกระแสน้ำบนถนนเมื่อช่วงเช้า จากการสอบถามคนขับ ยืนยันว่าไม่ได้ขับรถพานักเรียนฝ่าอันตราย แต่เป็นช่วงที่น้ำไหลหลากมาพอดี ที่ตัดสินใจขับฝ่ามาเพราะเห็นข้างหน้ามีรถยนต์เก๋งขับผ่านไปได้ จึงขับตามมา แต่รถเกิดดับกลางสายน้ำที่เชียวกราด สันนิษฐานว่าน้ำอาจเข้าไปในท่อไอเสีย ทำให้เครื่องดับ โชคดีไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด
ขณะที่ คนขับรถ (เสื้อสีน้ำเงิน) ยืนยันว่า ขับรถมาตามปกติ ฝนตกไม่หนัก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุประเมินว่ารถผ่านไปได้เพราะเป็นรถใหญ่ ที่สำคัญคือด้านหน้าก็มีรถเก๋งคันเล็กกว่าขับนำอยู่ เมื่อรถเก๋งผ่านได้ก็ไม่น่าเกิดปัญหา แต่เมื่อขับมาถึงจุดที่น้ำท่วม กลับมีมวลน้ำไหลเชี่ยวมาอย่างแรง เครื่องยนต์ดับกลางคัน จากนั้นมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือนักเรียน ส่วนรถได้รอให้น้ำแห้งจึงลากเข้าข้างทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงสถานการณ์น้ำท่วมในระยองวันนี้ พบว่าหลายแห่งเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากรุนแรง ถนนสายหลักประกาศปิดการจราจร เช่น สาย 344 บ้านบึง-แกลง และสาย 3 สุขุมวิท ขณะที่ฝนยังคงตกตลอดอย่างต่อเนื่อง
ข่าว โดย อัจฉรา-ภัทราพร วิเศษศรี สำนักข่าวเนชั่น จ.ระยอง