อดีต ผอ.รร.สุราษฎร์ โกงค่าอาหารเด็ก ให้กินขนมจีนคลุกน้ำปลา โดนจำคุก 385 ปี
อดีต ผอ.รร.สุราษฎร์ หลังโดนแฉทุจริตค่าอาหารกลางวันเด็กอนุบาล ให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลาและถูกตรวจสอบจนพบความผิด ล่าสุดศาลตัดสินจำคุก 385 ปี
คืบหน้าล่าสุด อดีต ผอ.รร.สุราษฎร์ หลังโดนแฉทุจริตค่าอาหารกลางวันเด็กอนุบาล จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปเมื่อ วันที่ มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่เพจ @ชมรมstrong-จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โพสต์คลิปเด็กนักโรงเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่เด็ก ๆ กำลังทานอาหารกลางวัน ที่ทางโรงเรียนจัดให้ซึ่งในจานมีเพียงขนมจีนคลุกน้ำปลา ไม่มีกับข้าวอื่นๆ และทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการสืบสวนนานกว่า 1 ปี จนพบว่ามีมูลความผิด และได้ไล่ นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนออกตามความเห็นชอบของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ข่าวล่าสุดวันนี้ 21 ตุลาคม 2565 มีรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อ่านคำพิพาทษา คดีหมายเลขคดี ดำ อท.29/2564 เลขคดีแดง อท.42/2565 ระหว่าง พนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลย
ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยศาลได้สั่งจำคุก 385 ปี อดีต ผอ.รร.สุราษฎร์ ให้เด็กนักเรียนกินขนมจีนคลุกน้ำปลา
- "ลุงศักดิ์" ตอบกลับ "ยอดวันเผด็จ" หลังโดนท้าชกบนเวที วางเงินเดิมพัน10ล้าน
- "มดดำ" แจงแล้ว หลังประกาศยุติบทบาทพิธีกรแฉ รับพลั้งปากพร้อมเผยเหตุผล
- กรมอุตุฯ ชี้แจงแล้วหลังว่อนข่าวลือ พายุไห่ถาง จะเข้าไทยในอีก 10 วัน จริงหรือ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์-จำเลยแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม),162(1)(4)(เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 121/1
การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) มาตรา 162(1)(4)(เดิม) กับความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และการกระทำของจำเลยในแต่ละครั้งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 77กระทง ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 385 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)
พิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามฟ้องและพยานหลักฐานโจทก์ตามทางไต่สวนแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยในแต่ละกระทงความผิดแม้คิดคำนวณได้เป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่จำเลยได้กระทำผิดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งจำเลยเป็นผู้บริหารโรงเรียน แต่กลับอาศัยอำนาจหน้าที่เบียดบังเอาผลประโยชน์ที่ไม่ควร ได้ทำให้เด็กนักเรียนในปกครองไม่ได้รับอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ และจำนวนที่เพียงพอต่อการพัฒนาการทางร่างกาย และย่อมส่งผลเสียในระยะยาว พฤติการณ์แห่งคดีจึงร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
มูลความผิดของ นายสมเชาว์ มีทั้งสิ้น 10 ประเด็น เป็นประเด็นวินัยร้ายแรง 5 เรื่อง ประกอบด้วย
1.การทุจริตอาหารกลางวัน
2.การจัดซื้อจัดจ้างระบบไฟฟ้า
3.การขายผลผลิตปาล์มน้ำมันของโรงเรียน
4.อนุญาตให้ขายน้ำอัดลมในโรงเรียน และ
5.โครงการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในบริเวณโรงเรียน
และวินัยไม่ร้ายแรง 1 เรื่อง คือโครงการก่อสร้างอาคารที่ดำเนินการเปลี่ยนวัสดุบางรายการโดยไม่ชี้แจงข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งผิดระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอีก 4 เรื่อง เช่น การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ การปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักครู และซ่อมแซมระบบไฟฟ้าไม่เข้าข่ายความผิดวินัย
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews