มช. สั่งตั้งกรรมการสอบ ปมอาจารย์ซื้อวิจัยใส่ชื่อตัวเองเคลมผลงานแล้ว
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้ว ปมอาจารย์แอบซื้องานวิจัยใส่ชื่อเคลมผลงานตัวเองแล้ว
เรียกได้ว่ากลายเป็นดราม่าร้อนในวงการนักวิชาการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีนักวิชาการไทยในต่างประเทศรายหนึ่ง ได้ออกมาแฉว่ามีการซื้อขายงานวิจัยออนไลน์ เพื่อให้ได้ใส่ชื่อตัวเองเป็นผู้แต่งงานวิจัยโดยไม่ต้องทำจริง โดยมีขายมากมายหลายหัวข้อ แต่ละงานจะเปิดขายสำหรับใส่ชื่อตามลำดับความสำคัญและการมีส่วนร่วม ซึ่งการมีชื่ออยู่ลำดับแรกจะต้องจ่ายสูงกว่าลำดับอื่นๆถัดลงไป เมื่อกระบวนการนี้มีผู้ซื้อรายชื่อครบ งานวิจัยเล่มนี้ก็จะถูกส่งไปตีพิมพ์ ส่งผลให้ผู้ที่จ่ายเงินและมีรายชื่อสามารถนำมาเคลมเป็นผลงานวิชาการของตัวเองได้
โดยการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่งตามหลักจริยธรรมและจรรยาบรรณการวิจัย และเมื่อมีการตรวจสอบพบว่ามีชื่อนักวิจัยไทยปรากฏอยู่ในงานวิจัยประเภทนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งชื่ออาจารย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคเหนือ และชื่อของอาจารย์จากวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นต้น
ต่อมา อาจารย์อ๊อด หรือ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่คนหนึ่ง ไปตีพิมพ์ในเรื่องของวัสดุนาโนเป็นชื่อที่หนึ่งโดยจ่ายค่าตีพิมพ์ไป 30,000 บาท โดยที่สายงานอยู่เทคนิคการแพทย์ ไม่ใช่วัสดุศาสตร์ แล้วนำบทความที่ตีพิมพ์นั้นมาเบิกกับมหาวิทยาลัยจำนวน 120,000 บาท เรื่องนี้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต้องสืบสวนสอบสวนครับ เพราะตอนนี้มีเว็บไซต์ที่ขายการเอาชื่อไปแปะในวารสารวิชาการ กำลังเป็นประเด็นอยู่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า "ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ มีการลงข่าว เรื่อง การกระทำผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณการวิจัย โดยมีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนั้น
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอย่างสูงสุด โดยถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับบุคคลดังกล่าวตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยต่อไปแล้ว
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอยืนยันที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ตามหลักธรรมาภิบาลและคุณธรรมทางวิชาการต่อไป"
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews